จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 จากกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นสนามบินเอกชนให้บริการเครื่องบินขนาดเล็ก บริเวณตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการใช้ประโยชน์ในลักษณะทับซ้อนกับที่สาธารณะ นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากแรนโช ชาญวีร์ฯ เปิดเผยว่า ได้ฟังข้อมูลจาก DSI แล้วขอยืนยันความบริสุทธิ์ของฝ่ายเอกชน กรณีบอกว่าพื้นที่เป็นส่วนการรับผิดชอบของนิคมสร้างตนเองลำคะคอง ไม่เกี่ยวกับ อบต. แต่ปัญหาคือบริษัทมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ประกอบด้วยโฉนดที่ดิน และบางส่วนเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ซึ่งสามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ตามกระบวนการกฎหมาย แต่อยู่ดี ๆ มาบอกว่าที่ตรงนี้มีปัญหานั้นถูกต้องหรือไม่ ทั้งที่บริษัททำถูกมาตลอด เช่นนี้ ประชาชนจะกลายเป็นเหยื่อความบกพร่องของกระบวนการภาครัฐหรือไม่

ส่วนการที่มาบอกว่า บริษัทยึดที่สาธารณะไปใช้งาน ขอยืนยันว่าไม่เคยมีการปิดถนนหรือขัดขวางการใช้เส้นทางของประชาชน “เราทราบดีว่าเรื่องนี้มีข้อสงสัยในแง่สถานะของถนน และเราพร้อมให้ตรวจสอบ ขณะเดียวกัน พื้นที่นี้ก็ยังเปิดให้ประชาชนใช้ได้ตามปกติ ไม่ได้มีรั้วหรือสิ่งกีดขวาง” นายชนินทร์กล่าว
นายชนินทร์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า พื้นที่รันเวย์ที่ใช้สำหรับการขึ้น–ลงของเครื่องบินนั้น เป็นถนนส่วนบุคคลที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนด และได้รับอนุญาตตามขั้นตอนจากกรมการบินพลเรือนให้สามารถใช้เป็นทางขึ้น–ลงได้ โดยในบางช่วงมีการวิ่งผ่านแนวทางสาธารณะ แต่บริษัทไม่เคยปิดกั้นหรือครอบครองพื้นที่ดังกล่าว และยังเปิดให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านไป–มาได้ตามปกติ พร้อมเปิดเผยด้วยว่า ยังเคยจัดให้มีการทำประชาคมเพื่อสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ด้วย ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระก็มาร่วมในการรับฟังเสียงประชาชน

ส่วนประเด็นข้อพิพาท ในพื้นที่สนามกอล์ฟ ซึ่ง DSI ขอเวลาไปตรวจสอบว่าเป็นการรุกที่สาธารณะหรือไม่นั้น นายชนินทร์ กล่าวว่า ได้มีการเปิดให้ประชาชนใช้งานตามปกติ จะเห็นว่ามีรอยรถผ่านในจุดที่เราถูกกล่าวหา และที่ผ่านมาประชาชนสามารถใช้ได้เลย แต่มันไม่มีใครสัญจรทางนี้เพราะมันไม่มีบ้านคน บริษัท ก็ให้ DSI พิสูจน์สถานะ แต่ก็ไม่เข้ามา จึงไม่แน่ใจว่ามีธงในการทำให้เราดูเหมือนจะยึดครองที่สาธารณะหรือไม่ ทั้งที่เอกชนพยายามเต็มที่ในการเปิดทางให้ประชาชนใช้งาน
“เราไม่ได้ปิดกั้นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่แต่อย่างใด กลับกัน เรายินดีให้ใช้เพื่อประโยชน์ร่วมกันมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหากับประชาชนเลยด้วยซ้ำ ที่สำคัญ ถนนเส้นนี้แทบไม่มีใครใช้ เป็นที่ดินของบริษัท อยู่ติดกับที่ดินสาธารณะเท่านั้นเอง ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ตลอด บริษัทก็เช่นกัน แต่เราก็ยังเปิดให้รถของประชาชนผ่านได้ ไม่เคยปิดทางเราได้กรรมสิทธิ์ในการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซื้อมาอย่างถูกต้อง มีเอกสารสิทธิครบถ้วน ส่วนใหญ่เป็นโฉนด และบางส่วนเป็น น.ส.3 ทุกแปลงออกโดยหน่วยงานของรัฐอย่างถูกต้อง”

ทนายความบริษัทแรนโชฯ กล่าวว่า กรณีที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบเห็นว่าประเด็นนี้มีลักษณะเป็นเรื่องทางการเมืองมากกว่า เพราะโดยอำนาจของดีเอสไอจะเข้ามาได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกเขตป่าสงวน หรือพื้นที่ของกรมอุทยานฯ เท่านั้น แต่ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่อุทยาน และเมื่อพิจารณาขนาดพื้นที่ ก็ยังไม่ถึง 50 ไร่ ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่ดีเอสไอจะรับดำเนินคดีได้ กรณีนี้ยังไม่ถึง 10 ไร่ด้วยซ้ำ ดังนั้นหากมีการตรวจสอบ ก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่หากพบว่ามีการกล่าวหาที่ทำให้เกิดความเสียหาย บริษัทก็ต้องปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะเราต้องรู้ว่า สิทธิของประชาชนอยู่ตรงไหน และหน้าที่ของหน่วยงานรัฐอยู่ตรงไหนเช่นกัน

ด้านนายมลคล เหล่าวัฒนธรรม ชาวสวนทุเรียน กล่าวว่า ตนอยู่ในพื้นที่มาได้กว่า 20 ปีแล้ว สนามบิน และสนามกอล์ฟ เกิดขึ้นทีหลัง แต่ไหนแต่ไรถนนเส้นนี้ไม่มีใครสัญจร ถึงวันนี้ก็เป็นแบบนั้น คิดว่าการมีเอกชน เข้ามาลงทุนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นที่ และส่วนตัวไม่มีปัญหากับการมีสนามบิน หรือสนามกอล์ฟเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตในส่วนที่เป็นสนามบิน ไม่พบป้ายหรือสิ่งกีดขวางปิดถนน และในช่วงเวลา 07.00–15.00 น. ไม่มีเที่ยวบินขึ้น–ลงแต่อย่างใด พบมีประชาชนสัญจรน้อยมาก ขณะที่ในสนามกอล์ฟ แม้จะเปิดทางให้ประชาชนใช้พื้นที่ แต่ไม่พบประชาชนสัญจรไปมาแต่อย่างใด โดยถนนเส้นดังกล่าวมีรถยนต์ผ่านไป–มาค่อนข้างน้อย มีเพียงรถขนทุเรียนจากสวนใกล้เคียง ไม่ปรากฏว่ามีการใช้ถนนในลักษณะของ “ทางผ่านหลัก” ของชุมชนโดยทั่วไป พื้นที่รอบข้างมีอาคารของรีสอร์ทเป็นหลัก พบบ้านเรือนประชาชนเพียง 2 หลัง หนึ่งหลังมีลักษณะคล้ายบ้านร้าง ไม่มีผู้พักอาศัย อีกหลังเป็นสวนผลไม้ที่ยังมีการใช้งานอยู่

