ข่าวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทำเอาทุกคนช็อกแบบหลายตลบ ช็อกแล้วช็อกอีก ต่อให้ไม่ใช่ชาวพุทธ เป็นใคร ศาสนาไหนก็ช็อก คือกรณี “สีกากอล์ฟ” กับความสะเทือนพุทธศาสนาระดับล้านริกเตอร์! กับคลิปมากกว่า 80,000 คลิป ที่มีกิจกรรมทางเพศกับพระสงฆ์ในหลายระดับ หลายชั้น พระดัง ๆ พรึบ!

“พระสงฆ์” ที่ถูกคาดหวังว่าต้องมีการละกิเลส มีธรรมะ มีคุณธรรม ประพฤติตนครองตนภายใต้ผ้าเหลืองอย่างมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่ทว่า… คลิปจากข่าว จากการสืบสาวราวเรื่อง กลายเป็นเพียงมนุษย์ขี้เหม็นทั่วไป แค่ไร้ผมบนศีรษะเหมือนสิ่งทั่วไป ติดใจในอวัยวะสืบพันธุ์ สะสมความมั่งคั่งทางการเงิน มั่วเซ็กซ์ ละไม่ได้ทางโลก ไม่รู้จะบวชหรือแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ไปเพื่ออะไร
สิ่งที่เราเจอ จะเห็นทั้งการ “มั่วผู้หญิง” ซึ่งผู้หญิงก็มั่วกับ “หลายสงฆ์” มีเรื่องการโอนเงินหลักแสนหลักล้าน จนตำรวจตรวจค้นพบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีหญิงผู้นี้กว่า 385 ล้านบาท! แล้วฝ่ายหญิงถูกกล่าวหาว่า เม็ดเงินไปสู่เว็บไซต์พนัน ถือว่าครบวงจรอบายมุข ขาดแค่ยาเสพติดเท่านั้น
“จีวร” ผ้าเหลืองสำหรับคนพวกนี้จึงเป็นเพียงผืนผ้าที่ไร้ความหมาย บทสวดที่ตระเวน “หากิน” สวดกันเพื่อให้มีเงิน เหมือนดาราออกรับงาน แสดงไปตามบท ด้วยความที่สบง จีวร คือเปลือกนอกที่ไม่สามารถห่อหุ้มกิเลสหนาได้ ไม่มีการปลง การขัดเกลาตัวเองเพื่อให้หลุดพ้น ไม่ได้รู้สึกผิดบาป ไม่ละอายต่อบาป เสพสมเสพสุขอยู่บนศรัทธาชาวบ้าน กลุ่มก้อนของกิเลสปกคลุมธรรมะที่พร่ำเรียน พร่ำถูกบ่มเพาะมา ไม่ได้ยำเกรงต่อกฎหมาย หรือมีคำว่า “วินัยสงฆ์” อยู่ในสมอง
พุทธศาสนาในประเทศไทยในเวลานี้ จึงเป็นศาสนาที่ถูกตั้งคำถามจากศาสนิกชนว่า เรากำลังกราบไหว้ใครอยู่? พระที่เราศรัทธายังมีตัณหาไหม? ถ้ากรณีนี้เกิดกับพระแค่รูปเดียว พระโนเนมต่างจังหวัดจะไม่เป็นอะไร แต่บางรูปกลายเป็นเจ้าคณะ มีศักดิ์เป็นรองเจ้าอาวาส มีชั้นธรรม ชั้นปกครองทางสงฆ์ บวชเรียนกันเป็นสิบ ยี่สิบปี ถูกตีแผ่ กระชากผ้าเหลืองออกมาพร้อม ๆ กันเป็นสิบ ๆ รูป และคิดว่ายังไม่หมดแค่นี้ น่าจะมีอีกเป็นกระบุง ใครแอบปิดกุฏิซ่อนรัก เล่นชู้อยู่ในมุ้ง ต้องหวาดเสียวอยู่ไม่เป็นสุขไปตาม ๆ กัน วงการพระสงฆ์ในไทยตอนนี้ เราจึงต่างรู้สึกโหวง ๆ วังเวงไร้ที่พึ่ง มองไม่เห็นทางออก ยังไม่รวมเคสพระที่เป็นนักพนันออนไลน์ พระที่เสพกามกับเด็กชาย มีอะไรกับเณร เล่นยา หากินกับผ้าเหลือง ที่มีข่าวให้เห็นเป็นปกติแทบรูทีนก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้คือสึนามิของวงการผ้าเหลืองไทยอย่างปฏิเสธไม่พ้น เป็นภัย เป็นการเปลือยครั้งใหญ่ของวงการ
กลับกลายเป็นว่า ลาภ ยศ ตำแหน่งการปกครองในวงการสงฆ์ไทย กลายเป็นการยกระดับเพื่อการแสวงหาเงิน แข่งขันกันสั่งสมเงิน โดยที่อยากมีสมณศักดิ์สูงขึ้น เพราะจะถูกนับถือ มีกิจนิมนต์มากขึ้น ให้มีรายได้ค่าตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อสะสมให้สีกามาปรนเปรอ ถวายกายให้แลกกับเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กรณีนี้จึงไม่สามารถชี้นิ้วไปที่สีกาว่าเป็นภัยร้ายต่อพระสงฆ์ไทยเท่านั้น แต่ชายที่หวังสมณศักดิ์ กลายเป็น “ภัยคุกคาม” ในตัวเองของพระพุทธศาสนา สนิมเกิดแต่เนื้อในตน ของจริง!
วันนี้พวกเราคงฝากความหวังไว้ที่สำนักพุทธฯ ที่ประชุมมหาเถร หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแลพุทธศาสนาเพียงแค่นั้นไม่ได้ ตำรวจ และพลเมืองชาวไทยผู้หวังดีอยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น ทุกคนต้องร่วมมือกัน กระทั่งคนในวัด บุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องพร้อมใจถือไม้กวาด เอารถดูดส้วม มีน้ำยาฆ่าแบคทีเรีย มาร่วมกันทำความสะอาด ชำระล้างกันทั้งประเทศ อย่าก้มหน้าก้มตาใส่บาตร ทำบุญ บำรุงภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนาไปโดยที่ไม่ใช่ความเป็นพลเมืองช่วยกันปกป้อง ด้วยการเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแส ดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ปล่อยให้มารศาสนามากัดกิน แบบนี้ก็น่าจะพอทุเลาปัญหา กู้ศรัทธาขึ้นมาได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด อย่าสนใจเพียงแค่พระสงฆ์ แต่จงทำความเข้าใจแก่นของคำสอน เข้าถึงหลักธรรม กระทำตนให้ถึงด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เหล่านี้ก็ช่วยทนุบำรุงพระศาสนาได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ในเมื่อโล้นซ่า สีกาแสบทำลายกันและกันได้ แต่คำสอนและหัวใจหลักธรรมคำสอนไม่มีใครทำลายล้างได้!


