ที่รัฐสภา นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 แถลงผลการดำเนินงานและความคืบหน้าการพิจารณาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 24/2568 พิจารณามาแล้ว จำนวน 22 วัน รวม 179 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 10.28 โดยมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาแล้ว จำนวน 277 หน่วยงาน งบกลาง 12 รายการ และกองทุน 23 กองทุน ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุม 3 วัน คือ วันจันทร์ วันอังคาร และวันพุธ
เมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พิจารณางบฯ กระทรวงศึกษาธิการ 11 หน่วยงาน 2 กองทุน โดยมีการตั้งข้อสังเกตในการพิจารณาของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา มีกรรมาธิการฯ บางคนตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความคืบหน้าในการปฏิรูปการศึกษาตามภารกิจของหน่วยงาน ในการจัดทำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ ทั้งนี้ ผู้แทนสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ชี้แจงว่า พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ปัจจุบันยังมีการบังคับใช้เป็นแม่บทหลักในการบริหารจัดการและกำกับการศึกษาของประเทศไทย เพื่อให้เนื้อหามีความทันสมัยและตอบโจทย์อนาคตของการศึกษา นอกจากนี้ ในการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีการหารือเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี ซึ่งมีกรรมาธิการฯ บางคน ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนของคณะกรรมการอาชีวศึกษา โดยระบุว่า ร้อยละ 96 จัดการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคี เป็นการผสมระหว่างการฝึกงานกับการเรียนในสถานศึกษา ซึ่งข้อเท็จจริง พบว่าสัดส่วนของนักเรียน ที่เข้าเรียนในระบบทวิภาคีมีค่อนข้างน้อย เพียงร้อยละ 21 ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่ระบบการศึกษามีการพัฒนาไปมากกว่านี้
นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณางบฯ ของกระทรวงมหาดไทย 9 หน่วยงาน 2 กองทุน สาระสำคัญในส่วนของกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีกรรมาธิการฯ บางคน ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานที่จะต้องเป็นกลไกหลักในการแจ้งเตือนประชาชน ซึ่งคาดหวังว่าหน่วยงานจะเร่งทำระบบเตือนภัย Cell broadcast ให้แล้วเสร็จในกรอบเวลาที่กำหนด เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (16 ก.ค. 68) จะพิจารณางบฯ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมไปถึงกระทรวงพลังงาน ส่วนในวันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม จะพิจารณางบฯ ของส่วนราชการที่ไม่ได้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและองค์กรอัยการ และวันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม จะพิจารณางบฯ ในส่วนของสภากาชาดไทย รัฐสภา และกระทรวงสาธารณสุข

