“เชื่อว่าวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาปีนี้พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยศรัทธาที่มีต่อพระสงฆ์คงถดถอย หลังเกิดกรณีพระชั้นผู้ใหญ่กว่า 20 รูปไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ หลายรูปมีหลักฐานเสพเมถุน บางรูปมีเส้นทางเงินเกี่ยวพัน บางรูปมีบุตรด้วยกัน โดยลาสิกขาไปแล้ว 7 คน เป็นระดับพระเทพฯ พระครูฯ และพระมหาฯ มีตำแหน่งทั้งเจ้าอาวาสฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ เจ้าคณะตำบลฯ และยังไม่ลาสิกขาแต่หลบไปอีก 5 รูป “

ทางสืบสวนตำรวจสอบสวนกลาง แกะรอยจากโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่องของสีกากอล์ฟ พบว่ามีคลิปอยู่กว่าแปดหมื่นไฟล์ มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ถ้าดูความเคลื่อนไหวในการสืบสวนเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง พบว่าภาระหนักตกอยู่ที่ทีมของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ที่ต้องพลิกหาระเบียบและข้อกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีกับสีกากอล์ฟ รวมถึงอลัชชีที่เกี่ยวข้อง
การเดินหน้าเพื่อเอาผิดค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีพระหรืออดีตพระรูปไหนที่ถูกแบล็กเมลจากสีกากอล์ฟให้ความร่วมมือเข้าแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกง มีแต่ลาสิกขาแล้วเก็บตัวเงียบ บางรูปล้าออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้วหลบหน้าหนีหาย
เพื่อให้การดำเนินคดีมีความรื่นไหล สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม และคณะกรรมการพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) ตามเขตปกครองหรือตำรวจพระ ต้องเคลื่อนไหวให้ความร่วมมือกับตำรวจในการออกคำสั่งทางปกครองของสงฆ์ สั่งการพระที่กระทำผิดหรือพระที่ปรากฏในคลิปของสีกากอล์ฟให้เข้ารายงานตัวและชี้แจงข้อเท็จจริงกับพระที่ปกครองและตำรวจ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานทางคดี
ซึ่งเป็นช่องทางที่จะให้พิสูจน์ความจริงหรือความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจะได้แจ้งความดำเนินคดีกับสีกา รวมถึงพระที่นำเงินของวัดไปปรนเปรอความสุขกัน
นับแต่เกิดข่าวฉาวโฉ่ขึ้นมา ดูเหมือนว่าทั้ง 3 หน่วยงานขยับช้ามาก ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าอาจจะกลัวว่าพระที่ตกเป็นข่าวพัวพันสีกากอล์ฟจะสวนกลับเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่เอื้อกันอยู่
“สำหรับการเอื้อผลประโยชน์กันในวงการสงฆ์มีเสียงกล่าวขานกันมานานหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนสมณศักดิ์ แย่งผลประโยชน์จากเงินบริจาค และการขออนุญาตทำกิจกรรมของวัดจะต้องมีปัจจัยติดปลายนวมมาด้วยเสมอ“
กรณีจะขอทำพิธียกช่อฟ้าหรือฝังลูกนิมิตพระอุโบสถ จะต้องทำหนังสือถึงสำนักพระพุทธฯ เพื่อให้ดำเนินการอนุมัติ หากมีปัจจัยติดไปด้วยจะได้ไม่เกิน 3 เดือน แต่ถ้าไร้ปัจจัยต้องรอแล้วรออีก
หลายปีก่อน เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน จ.พังงา เล่าว่าจัดพิธีฝังลูกนิมิตทำหนังสือพร้อมกับวัดในละแวกเดียวกัน ส่งไปยังสำนักพระพุทธฯ ปรากฏว่าวัดที่ส่งเรื่องไปพร้อมกันได้รับการอนุมัติ จึงสอบถามเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ทราบว่าแนบปัจจัยไปด้วย ของอาตมาไร้ปัจจัย ลูกศิษย์ซึ่งเป็นสื่อมวลชนอาสาตามเรื่องที่สำนักพระพุทธฯ ให้ ปรากฏว่าไม่เกิน 15 วัน ได้รับการอนุมัติ
หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้ เล่าว่าส่งเรื่องขอเลื่อนเป็นพระอุปัชฌาย์ ส่งหนังสือไปไม่นาน มีโทรศัพท์ติดต่อมาว่าหากจะเป็นพระอุปัชฌาย์ ขอค่าใช้จ่ายสามแสน ปลายสายอธิบายว่าตำแหน่งพระอุปัชฌาย์เสมือนบ่อเงิน เพราะจะมีรายได้เข้าตลอด อาตมาฟังแล้ววางสายเลย
ตัวอย่างที่ยกมาเพื่อสะท้อนว่าการแสวงหาผลประโยชน์ในวงการสงฆ์เกิดขึ้นแทบหัวระแหงของประเทศ แค่ขอเป็นพระอุปัชฌาย์วัดเล็กๆ ในต่างจังหวัดยังต้องแลกด้วยเลขหกหลัก ทำให้นึกถึงเสียงนินทาในหมู่สงฆ์ที่กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ ว่าสมณศักดิ์ของพระผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งที่ได้มาต้องใช้ปัจจัยด้วยเลข 7 และ 8 หลักแลกมา
หากผู้อ่านได้ไปร่วมพิธีสงฆ์ที่จัดยิ่งใหญ่ นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่ไปร่วม ลองเดินไปสังเกตที่ลานจอดรถสำหรับพระชั้นผู้ใหญ่ จะพบรถยนต์นั่งหรูหราที่ฮิตมากสุดจะเป็นรถยี่ห้อโตโยต้าอัลพาร์ด โตโยต้าเวลไฟร์ รวมถึงรถยุโรป ทั้งเบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยู
ดังนั้นข่าวที่พระบางรูปโอนเงินให้สีกากอล์ฟเป็นหลักสิบล้าน หรือข่าวอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงโอนเงินให้สีกาหลายสิบล้าน รวมถึงคนใกล้ชิดใช้เงินวัดไปซื้อทรัพย์สินจำนวนมาก หรือเจ้าอาวาสวัดม่วงแจ้งความว่าเงินส่วนตัว 10 ล้านหาย พร้อมทองคำหนัก 250 บาท พอสะท้อนได้ว่าผลประโยชน์ในวงการสงฆ์มีจำนวนมหาศาล
ดังนั้นเพื่อมิให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยเกิดอาการหมดศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา รัฐบาล สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคม ต้องใช้โอกาสนี้ชำระสะสางความเน่าเฟะ โดยเริ่มจากประสานความร่วมมือกับตำรวจสอบสวนกลางให้สางคดีทุกประเภทที่ทำให้วงการสงฆ์เสียหาย นำผู้กระทำผิดเข้าคุก จากนั้นผนึกกำลังกันปฏิรูปการปกครองของสงฆ์ รวมถึงบริหารจัดการทรัพย์สินต่างๆ ของวัดให้ทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบถึงความโปร่งใสได้ตลอดเวลา
ถ้าทำได้จริง คำทำนายที่ว่าวัดจะร้างจะไม่เกิดขึ้น !!!


