วันนี้ (10 กรกฎาคม 2568) เวลา 13.30 น. ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ฉก.๘๘/หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ดำเนินการชี้แจงสถานการณ์ปัญหาอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ในปัจจุบันให้ประชาชนทราบ
สถานการณ์ ปัจจุบันสถานการณ์การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา ยังมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อที่จะหลอกคนชาติไทยและชาติต่าง ๆ ทั่วโลก และเนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศ ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวกในการเดินทางกลุ่มคนร้ายจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าว เข้ามาในไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปยังบริเวณแนวชายแดนแล้วลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หรือใช้ช่องทางดังกล่าว หลอกคนข้ามไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์
จากมาตรการการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมาที่ติดกับประเทศไทย เพื่อกดดันให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ เมียนมาและไทย ทำให้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเมืองชเวโก๊ะโก๋ และเคเคพาร์ค ซึ่งพบคน ๓๖ สัญชาติ จำนวน ๘,๘๙๓ ราย แต่ยังพบว่าแต่ยังมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนและตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ซึ่งจะต้องมีมาตรการในการดำเนินการอีกต่อไป
ในส่วนของประเทศกัมพูชา พบว่ามีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งที่หลอกคนไทยและคนชาติต่าง ๆทั่วโลก พบว่ามีการตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา จำนวน ๕๒ จุด ๑๐ จังหวัด โดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในเมืองปอยเปต และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับทางประเทศเวียดนาม มีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ในห้วงที่ผ่านพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายตัว จากประเทศกัมพูชาเช้ามาในประเทศไทยบางส่วน แต่ทางการไทยสามารถดำเนินการกวาดล้างจับกุมได้ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มุ่งหลอกคนชาติอื่นไม่ใช่คนไทย อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีนยุทธศาสตร์
ศปอส.ตร. ร่วมกับ ฉก.88 และ UNODC ได้ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” โดยกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน (I 2L AI)
1. การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร (Infrastructure) ได้แก่ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต
2. การตัดเครือข่ายขบวนการนำพา (Logistics) ได้แก่ เพจโฆษณา หางาน เพจจัดหาบัญชีม้าและคริปโต แอพในการ ติดต่อหายานพาหนะ กลุ่มรถรับจ้าง กลุ่มนำพาข้ามแดน การซีลชายแดน กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและคริปโต
3. การบังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ (Law Enforcement) โดยมุ่งเน้นไปที่ เจ้าของอาคารคอลเซ็นเตอร์ ผู้บงการ ผู้บริหารจัดการ ผู้ให้ความคุ้มครอง
4. การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือใช้ในการหลอกลวง เพื่อลักลอบข้ามผ่านแนวชายแดนไปทำงานที่แก๊งคอล เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
5. ผนึกกำลังประชาคมโลก (International Community) ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์
โดยนำองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ UNODC, INTERPOL, FBI และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาร่วมปฏิบัติในศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ (War Room for Combatting Cyber Scam Syndicate) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย โดยประเทศไทยจะเป็นผู้นำและศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน ข้อมูล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาว
การค้นเครือข่าย ก๊ก อาน
จากปฏิบัติการครั้งนี้ ทำการเข้าค้นเครือข่าย “ก๊ก อาน” 20 จุดในพื้นที่ 3 จังหวัด (กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี) สามารถอายัดเงินสด ๒๗ ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ ยึดทรัพย์รวมมูลค่า กว่า ๑,๑๐๐ ล้านบาทและจะดำเนินการออกหมายจับผู้มีส่วนร่วมกระบวนการทั้งหมด
Global Alliance Mobilizes to Dismantle Cyber Scam and Human Trafficking Syndicates
Bangkok, Thailand (July 10, 2025) – In a decisive move to safeguard national interests and protect citizens, the Thai government today unveiled a comprehensive strategy to combat online crime, particularly the pervasive threats posed by cyber scam and human trafficking syndicates.
At 1:30 PM, Police General Kittharath Punpetch, Commissioner-General of the Royal Thai Police (RTP), assigned Police General Thatchai Pitaneelaboot, Senior Inspector-General of the RTP and Director of the Police Cyber Taskforce (PCT), the Thailand Anti-Trafficking in Persons Center (TATIP), the Special Taskforce Against Border-Related Cybercrime and Human Trafficking (Chor Kor 88), and head of the UNODC Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce, to brief the public on the current landscape of these escalating criminal activities.
The briefing highlighted the persistent presence of cyber scam syndicates’ operations targeting Thai and international victims, primarily based in neighboring Cambodia, Myanmar, and Laos. Thailand’s strategic position as a major aviation hub in Southeast Asia, with convenient air travel from across the globe, has been exploited by these syndicates. Perpetrators often enter Thailand as tourists, then surreptitiously cross borders to join existing cyber scam syndicates or lure unsuspecting individuals into forced criminality within these scam compounds.
Recent measures, including the disruption of electricity, internet, and fuel supplies to areas along the Thailand-Myanmar border, have pressured local ethnic groups to crack down on cyber scam and human trafficking syndicates. This has led to successful raids in Shwe Kokko and KK Park, where an astonishing 8,893 individuals of 36 different nationalities were rescued. However, there is evidence that some cyber scam syndicates remain hidden in the southern parts of Myawaddy, requiring further targeted interventions.
In Cambodia, the problem is expanding rapidly, with 52 identified cyber scam compound locations across 10 provinces, predominantly in Poipet. A concerning trend is the rapid growth of these compounds along the Cambodian-Vietnamese border, often managed by Chinese syndicates reportedly operating under the protection of local influential figures. While some Cambodian-based cyber scam syndicates have attempted to establish operations within Thailand, the RTP has swiftly countered these efforts, successfully dismantling them. These particular groups have focused on defrauding non-Thai nationals, including victims from Australia, Vietnam, South Korea, and China.
The Five-Pillar Global Strategy: “I2L AI”
The PCT, in collaboration with the Chorkor 88 and UNODC, has developed a comprehensive five-pillar strategy titled “Uniting the Global Community: Crushing Call Center and Human Trafficking Gangs” (I2L AI):
- Infrastructure Disruption: Targeting the fundamental infrastructure supporting these cyber scam and human trafficking syndicates, including electricity and internet access.
- Logistics Intervention: Disrupting the networks that facilitate these crimes, such as fraudulent job advertisement pages, money mule bank accounts and cryptocurrency acquisition channels, transportation apps, cross-border smuggling groups, and illicit transportation providers. This also includes strengthening border sealing measures.
- Law Enforcement and Asset Confiscation : Focusing enforcement efforts on the owners of cyber scam compounds, masterminds, operational managers, and those providing protection.
- AI-Powered Prevention: Employing advanced AI technology to prevent Thailand from being used as a transit point or a base for recruitment and deception, particularly concerning illicit border crossings into neighboring cyber scam compounds.
- International Community Collaboration: Unifying global efforts through partnerships with international organizations such as UNODC, INTERPOL, and the FBI, alongside various countries worldwide. These entities will participate in a newly established “War Room for Combatting Cyber Scam Syndicates and Human Trafficking,” located at the Royal Thai Police Headquarters in Thailand. Thailand will lead this initiative, serving as a central hub for information exchange to facilitate joint operations against cyber scam and human trafficking syndicates in Cambodia, Myanmar, and Laos.
Major Breakthrough: “Gok Aan” Network Dismantled
In a significant recent operation, the RTP conducted 20 raids targeting the “Gok Aan” network across three provinces: Bangkok, Samut Prakan, and Chonburi. This operation successfully seized 27 million baht in cash, multiple luxury vehicles, and crucial documents. The total value of assets seized in this major bust exceeds 1.1 billion baht. Arrest warrants will be issued for all individuals implicated in this extensive criminal syndicates.
This global alliance marks a critical turning point in the fight against cyber scams and human trafficking.
