170 ปี สัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร: อนาคตซอฟพาวเวอร์ไทยที่ดูไม่สดใสในเกาะอังกฤษ

459

มาตรการการนำเข้าแรงงานต่างชาติที่เข้มงวดขึ้น และการบุกจับร้านนวดไทยในสหราชอาณาจักร ฉุดรั้งบรรยากาศที่ดีในปีที่ 170 ของความสัมพันธ์ไทยสหราชอาณาจักร

รายงานพิเศษ โดย นพพร วงศ์อนันต์

2568 เป็นปีครบรอบ 170 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร —โอกาสพิเศษที่ทั้งสองประเทศเฉลิมฉลองผ่านงานเลี้ยงรับรอง การแสดงงานวัฒนธรรม และคำมั่นใหม่ในการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทว่าท่ามกลางบรรยากาศแห่งมิตรภาพอันยาวนานนี้ กลับเกิดเหตุการณ์ในสหราชอาณาจักร 2 ประการที่ส่งผลกระทบต่อความพยายามของรัฐบาลของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ในการเผยแพร่ซอฟพาวเวอร์ด้านการนวดไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของประเทศ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

เมื่อ 9 เมษายน 2568 กระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักรได้ถอดอาชีพ “นักนวดบำบัดด้านการกีฬา” (Sports Massage Therapist) ออกจากรายชื่ออาชีพที่สามารถขอวีซ่าทำงานประเภท Skilled Worker ได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ถอดอาชีพ “นักนวดบำบัด” (Massage Therapist) ออกไป ภายใต้กฎใหม่ ผู้ที่อยู่ในสหราชอาณาจักรอยู่แล้วและถือใบอนุญาตทำงานที่ยังมีผลบังคับใช้สามารถต่ออายุได้กับนายจ้างเดิมเท่านั้น ขณะที่ผู้สมัครรายใหม่ ไม่ว่ามีคุณสมบัติหรือประสบการณ์เพียงใด ก็ไม่สามารถยื่นขอได้อีกต่อไป

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ การถอดถอนครั้งนี้สะท้อนการลดระดับอาชีพนักนวดให้ต่ำกว่าระดับ “แรงงานฝีมือ” ตามเกณฑ์การย้ายถิ่นฐานของสหราชอาณาจักรอีกต่อไป สำหรับนักนวดชาวไทยนับพันที่ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มข้นในศาสตร์บำบัดของนวดแผนไทย สารที่ส่งถึงพวกเขานั้นชัดเจน อาชีพของพวกเขาไม่ผ่านเกณฑ์อีกแล้ว

สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตำรวจเวสต์ยอร์กเชียร์และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหราชอาณาจักรได้บุกจับร้าน “Yonlada Thai Massage” ในเมืองฮัดเดอร์สฟิลด์ โดยสงสัยว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ปฏิบัติการดังกล่าวนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายในข้อหาเกี่ยวข้องกับการควบคุมการค้าประเวณี และการควบคุมตัวหญิงไทย 4 คนที่ถูกพบว่าทำงานอย่างผิดกฎหมาย แม้คดีจะยังอยู่ระหว่างการสืบสวน แต่สื่ออังกฤษก็ได้เชื่อมโยง “นวดไทย” เข้ากับอาชญากรรมอย่างโจ่งแจ้ง—สร้างภาพลักษณ์เชิงลบต่อธุรกิจสุขภาพของคนไทยนับพันที่ดำเนินงานอย่างมืออาชีพและถูกกฎหมายทั่วสหราชอาณาจักร

นี่คือความย้อนแย้งที่เจ็บปวด เพราะในปี 2562 ยูเนสโก หรือ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ยกย่อง “นวดไทย” (Nuad Thai) ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ แต่เพียงแค่ 6 ปีให้หลัง ศาสตร์บำบัดนี้กลับถูกผลักตกขอบโดยรัฐบาลของประเทศที่มีความสัมพันธ์มาเกือบ 2 ศตวรรษ ตกเป็นเหยื่อของภาพลักษณ์ด้านลบ การลดสถานะทางกฎระเบียบ และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกัน

ในช่วงเวลาที่รัฐบาลไทยกำลังจัดงาน Splash Soft Power Forum ระหว่าง 8–11 กรกฎาคม เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และวัฒนธรรมของไทย ทว่ามาตรการจากฝั่งสหราชอาณาจักรกลับเป็นอุปสรรคเฉพาะหน้าที่รอการแก้ไขในเร็ววัน

หนทางแก้ไขที่สร้างสรรค์อย่างหนึ่งอยู่ในเวทีการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทย–สหราชอาณาจักรที่กำลังดำเนินอยู่ แม้การเจรจาส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการค้าสินค้า แต่ FTA นี้ยังสามารถเปิดทางสำหรับการเคลื่อนย้ายแรงงานและบริการ ซึ่งอาจเป็นช่องทางในการผลักดันให้ “นักบำบัดนวดแผนไทย” กลับมาได้รับการรับรองให้เป็นแรงงานฝีมือภายใต้กรอบทวิภาคีอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้เขียนได้เสนอต่อ น.ส. แพทองธาร ระหว่างการหารือกับนักธุรกิจไทยและนักธุรกิจอังกฤษที่นำเข้าสินค้าไทยระหว่างการเยือนกรุงลอนดอนในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

แม้ถูกสั่งพักงานจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธารยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเปิดทางให้สามารถผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมได้อย่างเต็มที่ มีศักยภาพในการปกป้องและปฏิรูปรากฐานวัฒนธรรมของไทย และช่วยให้ศาสตร์สุขภาพไทยไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่น่าชื่นชม เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบวิชาชีพนี้อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเองก็ต้องหันกลับมาทบทวนตัวเอง แม้นักนวดบำบัดชาวไทยจะมีทักษะเฉพาะทางอันยอดเยี่ยม แต่หลายคนยังติดขัดเรื่องทักษะภาษาอังกฤษและไม่มีใบรับรองที่ตรงตามมาตรฐานสากล หากประเทศไทยต้องการสร้างเศรษฐกิจสุขภาพให้เติบโตในระดับโลกจริง ๆ ก็จำเป็นต้องลงทุนในด้านการฝึกอบรมภาษา การรับรองวิชาชีพ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ

ซอฟพาวเวอร์จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อวัฒนธรรมของประเทศนั้นไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ “ถูกชื่นชม” แต่ยัง “ถูกยอมรับอย่างลึกซึ้ง” ซึ่งการยอมรับนี้ต้องตั้งอยู่บนฐานของความเป็นมืออาชีพ ความน่าเชื่อถือ และการปฏิบัติตามกฎหมาย ปีแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย–สหราชอาณาจักรนี้จึงควรเป็นมากกว่าการหวนรำลึกถึงอดีต แต่เป็นแรงผลักดันให้ ซอฟพาวเวอร์ของไทยมีที่ยืนที่มั่นคงในอนาคต

**นพพร วงศ์อนันต์ เป็นอดีตสื่อมวลชนมากประสบการณ์ ที่ผันตัวมาดำเนินกิจการร้านนวดไทย Boon Sappaya Thai Massage ใจกลางกรุงลอนดอน