วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 — นายหฤษฎ์ชัย ฤทธิช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยข่าวดีด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจชุดที่ 2 (น้ำตกอ้ายเขียว) ตรวจสอบภาพจากกล้องดักถ่ายภายในอุทยาน และพบภาพอันน่าทึ่งของ “เสือไฟ” สัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ที่ปรากฏตัวให้เห็นอย่างชัดเจน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าสภาพแวดล้อมในพื้นที่ยังคงอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายาก
การบันทึกภาพเสือไฟในครั้งนี้เกิดจากความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่อุทยานที่ออกลาดตระเวนและเฝ้าระวังผืนป่าอย่างต่อเนื่อง โดยการติดตั้งกล้องดักถ่ายสัตว์ป่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยติดตามพฤติกรรมและการกระจายตัวของสัตว์ในพื้นที่ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาใช้ในการวางแผนอนุรักษ์และป้องกันภัยคุกคามอย่างเป็นระบบ
แม้ว่าการพบเสือไฟจะเป็นข่าวดี แต่การอนุรักษ์สัตว์ป่าชนิดนี้ยังคงเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ เช่น การบุกรุกพื้นที่ป่า การล่าสัตว์ผิดกฎหมาย และการวางบ่วงดักสัตว์ ซึ่งเคยมีรายงานกรณีเสือไฟติดบ่วงแร้วในหลายพื้นที่ สะท้อนว่าปัญหานี้ยังต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเขาหลวง ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ไม่รบกวนสัตว์ป่า ไม่ทิ้งขยะ และแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีหากพบกิจกรรมผิดกฎหมาย เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้สัตว์ป่าสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย
สำหรับ “เสือไฟ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอเชียติก โกลเดนแคต และชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า แคโตพูมา เทมมิงค์กิไอ เป็นแมวป่าขนาดกลางที่มีลักษณะเด่นคือ รูปร่างเพรียว ขายาว ขนสีน้ำตาลแกมแดง ไม่มีลายหรือจุดดำเหมือนแมวป่าชนิดอื่น แต่จะมีเส้นดำ 2–3 เส้นพาดยาวบนหน้าผาก และปลายหางมีสีขาวโดดเด่น เสือไฟมีพฤติกรรมการเดินที่น่าสังเกตคือมักยกหางขึ้นสูงเวลาเคลื่อนที่ และออกหากินเวลากลางคืน ล่าเหยื่อตามลำพัง โดยมากจะหลบซ่อนอยู่ในป่าไผ่หรือป่าดิบเขา
เสือไฟมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศป่าในฐานะผู้ล่าตัวกลาง ที่ช่วยควบคุมประชากรของสัตว์เล็กและสัตว์ฟันแทะ เป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่าอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ องค์กร ไอยูซีเอ็น (IUCN) ได้จัดอันดับให้เสือไฟอยู่ในกลุ่ม “ใกล้ถูกคุกคาม” ซึ่งหมายความว่าสัตว์ชนิดนี้กำลังเผชิญภัยจากการลดจำนวนประชากรและอาจเข้าสู่ภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์หากไม่มีการปกป้องอย่างจริงจัง
ในประเทศไทย เสือไฟเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการล่า หรือทำร้ายสัตว์ป่าคุ้มครองอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี หรือปรับไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

