CIB รวบอดีตกรรมการบริษัทฯ ปล่อยหุ้นกู้ผิดกฎหมายกว่า 30 ล้าน กระทบเชื่อมั่นนักลงทุน

472

ตำรวจ CIB รวบสาวใหญ่ อดีตกรรมการบริษัทฯทวงหนี้ เสนอขายหุ้นกู้ออกใหม่ มูลค่ากว่า 30 ล้าน ฝ่าฝืนกฎหมาย กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน และเศรษฐกิจประเทศ

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.หญิง ปวีณวรรณ พลหาญ สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.สุรพันธุ์ ตาขันทะ, ร.ต.อ.ธนชัย พจน์โพธิ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.หญิง ขวัญใจ ยิ่งเจริญ รอง สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.ท.ชัยวิทย์ ศรจิตต์, ร.ต.ต.ดนัย วีรวรรณ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ., จ.ส.ต.เจนภพ เตมิราช, ส.ต.ท.สิงห์ คำปาน ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุม นางสาว อุษาวรรณฯ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3738/2568 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินงานของบริษัท มิได้สั่งการ หรือกระทำการใดๆ ให้บริษัท เสนอขายหลักทรัพย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย” อันเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 300, มาตรา 33 (2) ประกอบมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 สถานที่จับกุม บริเวณถนนโกสุมรวมใจ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.2561 เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบพบว่า บริษัท ธ จำกัด (นามสมมุติ) ซึ่งประกอบกิจการรับติดตามและทวงหนี้ ได้กระทำการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ประเภทหุ้นกู้ต่อบุคคลในวงจำกัดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. มูลค่าการเสนอขายกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านางสาวอุษาวรรณฯ มีความเกี่ยวข้องเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในขณะเกิดเหตุ มีอำนาจหน้าที่และเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของบริษัท ธฯ จึงมีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้บริษัทฯ เสนอขายหลักทรัพย์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่พบว่าบริษัทฯ มีการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ ประเภทหุ้นกู้ต่อผู้ลงทุนในวงจำกัด โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ทำให้เกิดความเสียหายต่อกลุ่มผู้ถือหุ้น และความเชื่อมั่นของนักลงทุน และอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับผู้ต้องหานี้มาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนติดตามข้อมูลบุคคล พบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งพนักงานติดตามทวงถามหนี้ (คอลเซ็นเตอร์) จึงได้ติดตามตัวผู้ต้องหาจากที่พักอาศัยในซอยสรณคมน์ 25 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บริเวณถนนโกสุมรวมใจ แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

จากการสอบถามทราบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับ แจ้งสิทธิผู้ต้องหา และความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการต่อไป

สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าได้ถูกไหว้วานจากเพื่อนคนสนิท ซึ่งคบหากันกว่า 10 ปี ให้มาเป็นกรรมการบริษัท โดยตกลงจะให้ค่าตอบแทนเป็นส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทฯ และไม่ทราบว่าจะถูกนำชื่อและบริษัทฯ ไปใช้ในการเสนอขายหุ้นกู้ อันเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชน ก่อนตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ใดๆ ผู้ลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์และตัวหลักทรัพย์นั้นๆ จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. หรือจากผู้แนะนำการลงทุนที่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้นผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดหรือบางส่วน เนื่องจากบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ อาจไม่มีความมั่นคงทางการเงิน หรืออาจมีการทุจริต นอกจากนี้การเสนอขายหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
หากประชาชนทั่วไป หรือผู้ลงทุนพบเห็นการเสนอขายหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งเบาะแสให้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.หญิง ปวีณวรรณ พลหาญ สว.กก.3 บก.ปอศ.หมายเลขโทรศัพท์ 08-5868-3632

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”