ที่ กองปราบปราม พันตำรวจเอก​ ​สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการ​กองปราบ​ปราม​ (รองผบก.ป.)​ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีกรณีมีกลุ่มผู้เสียหาย เข้าแจ้งความกองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อัสมา ดำรงค์ผล อายุ 33 ปี อดีตหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่หลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ พานักเรียนมัธยม นักศึกษาไปเรียนพิเศษภาคฤดูร้อน ที่ประเทศอังกฤษ ความเสียหายร่วมกันกว่า 20 ล้านบาท ว่า

หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา (13 พ.ย.61) รองผู้อำนวยการของโรงเรียนมัธยมชื่อดัง ได้เข้ามาปรึกษากับพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม เบื้องต้นแจ้งให้กับตัวแทนของโรงเรียนรับทราบว่า กรณีที่เกิดขึ้น ก็ถือว่าทางโรงเรียนเป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นความประสงค์ของผู้ปกครองที่ต้องการให้นักเรียนได้เดินทางหาประสบการณ์ยังต่างประเทศ จึงติดต่อให้ทางโรงเรียนเป็นผู้ดำเนินการติดต่อหาตัวแทน หรือบริษัทต่างๆ ที่จะเข้ามารับจัดการให้ แต่โชคร้ายที่ไปเจอกับบริษัทของอาจารย์คนดังกล่าว อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบสวน ก็ให้คำแนะนำว่า สมควรจะให้ สน.บึงกุ่ม พื้นที่เกิดเหตุเป็นฝ่ายดำเนินการ เพราะตามขั้นตอนของกฎหมาย จะสามารถดำเนินการได้เร็วมากกว่ากองปราบปราม โดยตนยังได้ให้ประสานงานไปยังพนักงานสอบสวนของ สน.บึงกุ่ม เรียบร้อยแล้วด้วย

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า นอกจาก น.ส.อัสมา ดำรงค์ผล อาจารย์สาวที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ได้หลบหนีเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ล่าสุดพบว่านายธนพัฒน์ อวยพร ทราบว่าเป็นแฟนหนุ่มของอาจารย์สาว ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้วเช่นกัน โดยมีรายงานว่า นายธนพัฒน์ ได้ไปขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ ผ่านขั้นตอนด่านตรวจลงตราขาออก เมื่อเวลา 02.08 น.ของวันที่ 13 พ.ย.61 เพื่อเดินทางไปฮ่องกงด้วยสายการบินฮ่องแอร์ไลน์ เที่ยวบิน HX-780 กำหนดเดินทาง 04.00 น. ถึงสนามบินฮ่องกง 08.10 น.ตามเวลาท้องถิ่น

นายธนพัฒน์ อวยพร

มีรายงานข่าวต่อด้วยว่า ผู้เสียหายที่ถูก น.ส.อัสมา หลอกยืมเงิน และหลอกค้ำประกันเงินกู้ให้นั้น ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม มหาวิทยาลัย และเพื่อนอาจารย์ที่ ม.กรุงเทพ โดยทั้งหมดต่างรู้จักและสนิทสนมกับ น.ส.อัสมา เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาเจ้าตัวเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง เพราะมีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น อีกทั้งไม่เคยมีประพฤติตนเสื่อมเสีย อีกทั้งประวัติส่วนตัวก็ดีคือจบปริญญาโทมาจากประเทศอังกกฤษ สถานะทางบ้านก็อยู่ในขั้นดีมาก

ต่อมาปรากฏว่าเมื่อ น.ส.อัสมา ไปคบหากับ นายธนพัฒน์ ชื่อเล่นว่าเต้อ เป็นชาว จ.ชุมพร ทราบว่าเป็นลูกศิษย์ของ น.ส.อัสมา ที่มหาวิทยาลัย น.ส.อัสมา เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป คือชอบโทรมาขอยืมเงินเพื่อนๆ อ้างว่าเดือดร้อนเนื่องจากเป็นหนี้เงินกู้นอกระบบ ถูกเจ้าหนี้ส่งคนมาคุกคาม เมื่อสอบถามกลับไปว่าที่บ้านก็มีฐานะได้มรดกจากพ่อ 20 ล้านบาท และมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ ต้องไปกู้เงินนอกระบบไปทำอะไร ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าได้ทำโครงการส่งนักเรียนไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอังกฤษ แต่ทางโรงเรียนและผู้ปกครองเด็ก ยังไม่จ่ายค่าดำเนินการให้บริษัท จึงต้องหาเงินมาจ่ายค่าเดินทางและ ค่าที่พักไปก่อน

นอกจากนี้พบว่าระหว่างที่คบหากับ นายธนพัฒน์ นั้น น.ส.อัสมา ก็มักจะชักชวนเพื่อนๆ เล่นพนันฟุตบอลต่างประเทศ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์อีกด้วย เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวอาจมาจากสาเหตุที่เจ้าตัวก่อเหตุหลอกลวงดังกล่าว โดยเชื่อว่าน่าจะมาจากหนี้สินจากการเล่นพนัน อย่างไรก็ตามเพื่อนๆ เชื่อว่า แฟนหนุ่มน่าจะเป็นคนที่ชักชวนของ น.ส.อัสมา เล่นการพนัน เนื่องจากเจ้าตัวไม่เคยเล่นการพนันมาก่อนเลย ซึ่งหลังตกเป็นข่าว น.ส.อัสมา ก็ปิดโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้ แต่เพื่อนๆ ยังติดต่อกับนายธนพัฒน์ ได้ แต่อ้างว่าได้เลิกราและไม่ได้ติดต่อกับ น.ส.อัสมา มาสักพักแล้ว ก่อนที่จะทราบว่าทั้งคู่หนีไปฮ่องกงด้วยกัน จึงเชื่อว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลา น่าจะมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิด ส่วนตัวการสำคัญที่ทำให้ น.ส.อัสมา ถูกแจ้งความดำเนินคดีเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากแฟนหนุ่มคนดังกล่าว

“เพื่อนๆ พร้อมให้อภัยเขานะ เพราะที่ผ่านมาเขาเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายกับเพื่อนฝูงมาก เชื่อว่าที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะ รักและหลงแฟนหนุ่มคนนี้จนหัวปักหัวปำ ปกป้องแฟนหนุ่มคนนี้มาตลอด พอเพื่อนถามว่าเอาเงินไปใช้หนี้ให้แฟนหรือเปล่า เขาก็ปฏิเสธว่าแฟนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องหนี้ อย่างไรก็ตามอยากให้เขามาเคลียร์ปัญหากัน ทุกอย่างมีทางออก เรื่องเงินทองก็ค่อยมาผ่อนใช้เอา” เพื่อนสาวคนสนิทคนหนึ่งของ อาจารย์สาวกล่าว