20 มิถุนายน 2568 – ทีมปฏิบัติการจากหลายหน่วยงานร่วมปฏิบัติการยกเรือขนส่งสินค้าสัญชาติเมียนมา “MV AYAR LINN” ออกจากแนวปะการังที่เปราะบางในอ่าวจากได้สำเร็จแล้ว หลังปฏิบัติภารกิจภายใต้สภาพอากาศเลวร้ายและความท้าทายทางเทคนิคมากว่า 19 วัน
นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เปิดเผยว่า ภารกิจที่ยากลำบากนี้ดำเนินการภายใต้แนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน์ราชกัญญา และนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลอันล้ำค่า
ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชื่นชมและขอบคุณทีมปฏิบัติการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จครั้งนี้ ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างไม่ย่อท้อในการปฏิบัติภารกิจที่ยากลำบากนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความเชี่ยวชาญของทีมปฏิบัติการ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของการทำงานร่วมกันเป็นทีม และความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องและรักษาทรัพยากรทางทะเลอันทรงคุณค่าของไทย
วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ทีมปฏิบัติการดำเนินการเติมอากาศในถังเชื้อเพลิง 200 ลิตรเดิม และติดตั้งถังอัดอากาศเพิ่มเติมอีก 25 ถัง รอบตัวเรือ เพื่อเพิ่มแรงลอยตัว ทั้งนี้ทีมต้องทำงานท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ด้วยคลื่นลมแรงและฝนฟ้าคะนอง ความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของทีมปฏิบัติการทำให้เมื่อเวลา16.00 น. พบว่าลำเรือเริ่มลอยสูงขึ้นจากแนวปะการัง จากนั้นเรือ เปิดหัว 491, เรือตรวจการ 381 และเรือตรวจการ 278 ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้ร่วมกันดึงเรือลำดังกล่าวออกมาสู่พื้นที่ปลอดภัยในลานทรายที่ความลึก 25-30 เมตร ซึ่งอยู่นอกเหนือแนวปะการัง
ภารกิจนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถทางเทคนิคของทีมปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการปกป้องแนวปะการังอันล้ำค่าของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ซึ่งเป็นมรดกทางธรรมชาติที่มีคุณค่าต่อระบบนิเวศทางทะเล หลังจากการยกเรือสำเร็จ ทีมปฏิบัติการได้ดำเนินการจัดเก็บอุปกรณ์และเศษขยะต่าง ๆ ออกจากจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าแนวปะการังจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ความสำเร็จของภารกิจนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการทำงานเป็นทีมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยให้คงอยู่สืบต่อไป
