ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พันตำรวจ​เอก​ จิรภพ ภูริเดช รักษา​ราชการ​แทน​ผู้บังคับการกองปราบ​ปราม​ (รรท.ผบก.ป.)​ สั่งการให้ พันตำรวจ​เอก​ ธงชัย อยู่เกษ ผู้กำกับ​การ​ 1​ กองปราบ​ปราม​ (ผกก.1 บก.ป.),พันตำรวจ​เอก​ แมน แม่นแย้ม ผู้กำกับ​การ​ 4​ กองปราบ​ปราม​ (ผกก.4 บก.ป.),พันตำรวจ​ตรี​ ธนศักดิ์ ปราสาททอง สารวัตร​กองกำกับการ​ 1​ กองปราบ​ปราม​ (สว.กก.1 บก.ป.) และ พันตำรวจ​ตรี​ กรกฤช งามวงศ์วาน สารวัตร​กองกำกับการ​ 4​ กองปราบ​ปราม​ (สว.กก.4 บก.ป.)​พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองกำกับการ​ 1​ และกองกำกับการ​ 4​ กองปราบ​ปราม​ (กก.1 และ กก.4 บก.ป.)​ จับกุมตัวนายปรัชญา โกมลสิงห์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 230 ถ.ไร่เกาะต้นสำโรง ต.พระประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3419/2551 ลงวันที่ 18 ธ.ค.2551 ข้อหา”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยเจตนาไม่ให้มีเงินตามเช็ค” จับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 181/210 หมู่บ้านกาญจน์กนกวิลล์ 8 ซอยวัดมงคลเศรษฐี ถ.เชียงใหม่-พร้าว ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2551 นายปรัชญา ผู้ต้องหารายนี้ได้เปิดบริษัทขื่อ บริษัท​ พัฒนาธุรกิจออนไลน์ อินเตอร์ จำกัด บังหน้า ก่อนจะโฆษณาชักชวนประชาชนทั่วไปให้นำเงินมาร่วมลงทุนประกอบธุรกิจเก็งกำไรจากการซื้อขายเงินตราสกุลต่างชาติ รวมถึงน้ำมันและทองคำในตลาด พร้อมกับมีการจัดสัมนาพูดจาหว่านล้อมว่าได้กำไรจากการลงทุนจริง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ นายปรัชญาจะให้เหยื่อสมัครสมาชิกกับบริษัทและให้เหยื่อโอนเงินมาให้กับตน โดยสัญญาว่าจะได้รับเงินต้นที่ใช้ลงทุนคืนภายใน 30 วัน และจะจ่ายค่าตอบแทนให้เหยื่อทุก 15 วัน แต่เมื่อถึงกำหนดนัดหมายจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กลับสมาขิกกลับไม่มีการจ่ายเงินคืนให้ตามที่กล่าวอ้าง เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าบริษัทกำลังติดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจะพยายามจ่ายเงินคืนให้กลับสมาชิก ก่อนที่ต่อมาไม่นานบริษัทดังกล่าวก็ได้ปิดตัวลง และขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวกว่า 100 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท เหตุเกิดในพื้นที่ สน.หัวหมาก กทม.

พันตำรวจ​เอก​ จิรภพ ภูริเดช

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย.61 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่งที่ถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวงว่าหมายจับในคดีดังกล่าวกำลังจะหมดอายุความลงในวันที่ 11 พ.ย.61 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เร่งสืบหาเบาะแสกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ปัจจุบันได้กบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จึงนำกำลังไปจับกุมตัวดังกล่าวได้ทันท่วงที

จากการสอบสวนนายปรัชญา ให้การรับสารภาพโดยยอมรับว่าได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการโกงผู้อื่นๆ ไปซื้อบ้านพักและที่ดินและรถยนต์หรูหลายรายการ มูลค่าหลายล้านบาทไปใช้ชีวิตอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังได้นำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนทำธุรกิจเปิดฟาร์มวัวและขายหญ้าเนเปียร์ที่จังหวัดลำพูน กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนส่งตัวให้ พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป