กรุงเทพมหานคร, วันที่ 15 มิถุนายน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิเชียร ชุบไธสง ประธานสภาทนายความ และ นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และ ผู้แทนกิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในพิธีมอบเช็ค ให้ทายาทผู้เสียชีวิต จากเหตุ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้าง ถล่ม จำนวน 40 ราย (ทายาท 99 คน) จำนวน 40 ล้านบาท ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งหมด โดยเฉพาะครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 40 รายที่อยู่ในที่นี้ ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่มซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และส่งผลสะเทือนต่อสังคมทั้งในแง่กายใจ และความเชื่อมั่นในระบบความปลอดภัย สำหรับวันนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนหลัก “สิทธิมนุษยธรรมนำสังคมและกฎหมาย” อย่างแท้จริงเนื่องจากผู้ต้องขังหรือผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ซึ่งยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักการของกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดใช้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาลฎีกา ซึ่งอาจใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี และผลคดีก็ยังไม่ทราบว่าจะแพ้หรือชนะคดี แต่พวกเขากลับได้แสดงจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ด้วยการชดใช้เงินแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยสมัครใจ ไร้ข้อแลกเปลี่ยน และไม่มีผลต่อคดีความในชั้นศาล
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจผ่านการประสานงานกับสภาทนายความ โดยมีนายกและคณะผู้บริหารสภาทนายความเป็นผู้รับรองกระบวนการ ทั้งในแง่ความชอบธรรม และความชัดเจนทางเจตนา เพื่อยืนยันว่า นี่คือ “การเยียวยาในนามความเป็นมนุษย์ไม่ใช่ข้อต่อรองในทางกฎหมาย” การที่บุคคลซึ่งอยู่ในสถานะถูกจำกัดเสรีภาพยังสามารถแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยทรัพย์สินของตนเองถือเป็นภาพสะท้อนของกระบวนการยุติธรรมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเป็นแบบอย่างที่ควรเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้

รมว.ยุติธรรม กล่าวชื่นชมอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และคณะ ที่ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องราชทัณฑ์เหล่านี้สามารถลงนามในเช็คและดำเนินธุรกรรมภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความโปร่งใสมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลในทุกขั้นตอนเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนที่ดีของ “กระบวนการยุติธรรมที่มีหัวใจ” และควรได้รับการยกย่องในด้านกระบวนการยุติธรรม ภายใต้หลักนิติธรรม ซึ่งการดำเนินคดีต่อบริษัทก่อสร้างและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าความยุติธรรมจะไม่เลือกข้าง ดำเนินตามกฎหมายอย่างเสมอภาค
”พวกเราทุกคนต้องเรียนรู้จากความสูญเสียครั้งนี้และเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลังในการปฏิรูประบบให้เข้มแข็งขึ้น โดยการเช่วยเหลือ ฟื้นฟูเยียวยาถือได้ว่าไม่ปล่อยให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์สูญเปล่า ผมขอชื่นชมทุกท่านและให้กำลังใจทุกภาคส่วนทำให้เกิดการมอบเงินช่วยเหลือแก่ทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารสำนักงาน สตง. พังถล่ม ในวันนี้ ขอแสดงความเคารพและไว้อาลัยต่อดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตทุกท่านและขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของผู้สูญเสียทุกครอบครัวให้สามารถก้าวข้ามความทุกข์ครั้งนี้ไปด้วยความเข้มแข็ง กระบวนการยุติธรรมที่เข้าถึงได้ เสมอภาค โปร่งใส และมีหัวใจมนุษย์“ พันตำรวจเอก ทวี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด จ่ายให้ทายาทฯ 12 ราย จำนวน 12 ล้านบาท รวมวันนี้ อีก 40 ราย จำนวน 40 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 52 ล้านบาท โดยมี สภาทนายความ และ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานงาน