หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมตำรวจCIB รวบมิจฉาชีพลวงโลก จากหลอกขายหน้ากากอนามัย สู่ขบวนการแก๊งคอลฯตุ๋นเงินผู้เสียหายหลายล้านบาท

ตำรวจCIB รวบมิจฉาชีพลวงโลก จากหลอกขายหน้ากากอนามัย สู่ขบวนการแก๊งคอลฯตุ๋นเงินผู้เสียหายหลายล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผบก.ป.,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป.,พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงค์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป.,พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์,พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก,พ.ต.ท.อภิเดช อธิคมสัญญา,พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์, พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ รอง ผกก.5 บก.ป.


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กิตติบดินทร์ กิมเซียะ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.อ.นิติธร ประชันกาญจนา รอง สว. กก.5 บก.ป., ร.ต.ต.เรวัติ ห้วยหงษ์ทอง รอง สว.(ป)กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม น.ส.อรัญญาฯ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 705/2568 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, และผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการของตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช่หรือยอมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่า จะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้าน ม.6 ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด


พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 ผู้เสียหายต้องการหน้ากากอนามัย เพื่อใช้ในการป้องกันจากโรคโควิด 19 ที่กำลังระบาด ผู้เสียหายจึงได้หาซื้อหน้ากากอนามัยผ่านทางอินเตอร์เน็ต และจนได้มาพบเฟซบุ๊กหนึ่ง มีการประกาศขายหน้ากากอนามัยในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ทั้งได้ประกาศว่าสามารถหาสินค้ามาจำหน่ายได้ในจำนวนมากได้ ผู้เสียหายจึงได้หลงกลและตกลงซื้อขายหน้ากากอนามัยดังกล่าว โดยมีข้อเสนอในเรื่องการโอนมัดจำและเมื่อมีสินค้า จึงจะให้โอนในจำนวนยอดที่เหลือค้างชำระ จากนั้นผู้เสียหายได้โอนมัดจำเพื่อสั่งซื้อด้วยเงินจำนวนหนึ่งไปยังชื่อบัญชี ดารัตน์ฯ (ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น น.ส.อรัญญาฯ ผู้ต้องหารายนี้) ต่อมาเมื่อถึงวันเวลาที่ตกลงกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้ลวงผู้เสียหายว่ามีสินค้าเข้ามาครบแล้วให้โอนยอดชำระที่เหลือได้ทันทีที่บัญชีเดิม จากนั้นผู้เสียหายได้หลงกลโอนเงินให้จนครบตามตกลงแล้ว ผู้เสียหายกลับไม่สามารถติดต่อเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวได้อีก ผู้เสียหายจึงคิดว่าโดนหลอกแล้ว จึงได้หาข้อมูลเพิ่มเติมทางสื่อออนไลน์พบว่า เลขบัญชี และชื่อเจ้าของบัญชีดังกล่าวเคยหลอกผู้อื่นหลายรายในลักษณะเดียวกันกับที่ตนถูกหลอก มูลค่าความเสียหายโดยรวมเกือบแสนบาท

ต่อมา เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและการฟอกเงิน พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี ผู้แอบอ้างหลอกให้ผู้เสียหายแอดไลน์ และส่งเอกสารที่มีตราครุฑอ้างเป็นเอกสารราชการมาให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมกับหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่แจ้งไว้ผ่านทางไลน์ พร้อมทั้งขอข้อมูลบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตของมารดาผู้เสียหายอีกด้วย ด้วยความกลัวผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินรวม 18 ครั้ง 14 บัญชี เป็นเงิน 3,292,127.92 บาท ในจำนวนนี้เป็นบัญชีชื่อ น.ส.อรัญญาฯ(ผู้ต้องหา) ผู้เสียหายได้โอนเงินไป2 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 313,743 บาท ต่อมาผู้เสียหายจึงนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษากับมารดา จึงได้มาคิดทบทวนแล้วเชื่อว่าน่าจะถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และเมื่อผู้เสียหายเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็พบว่า น.ส.อรัญญาฯ เป็นบุคคล คนเดียวกับ น.ส.ดารัตน์ฯ ที่เคยก่อเหตุใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายหลายราย รวมถึงผู้เสียหายด้วย ในกรณีหลอกขายหน้ากากอนามัยเมื่อปี 2563 ช่วงที่โรคโควิด 19 ระบาดนั้นเอง

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ช่วงปี 2565 หลังก่อเหตุหลอกขายหน้ากากอนามัยให้ผู้เสียหายแล้ว น.ส.ดารัตน์ฯ ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น น.ส.อรัญญาฯ และได้หลบไปทำงานในพื้นที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด โดยผู้ต้องหามีการเดินทางข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ผ่านทางช่องทางธรรมชาติอยู่เป็นประจำต่อมาชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบน.ส.อรัญญาฯ หนีมาทำงานอยู่ที่สวนผลในพื้นที่ ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้ น.ส.อรัญญาฯ ทราบ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับและแจ้งสิทธิตามกฎหมายข้างต้นให้ทราบ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

​จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของน.ส.อรัญญา ฯ พบว่า นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 333/2565 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้”อีกด้วย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา.ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ด.ต.โสภณ เก็งฮะ ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป.
โทร 0865278769

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img