
รอบห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมามี “นักวิชาเกิน”ท่านหนึ่ง เสนอให้เลิกไปเลยประชาธิปไตย อ่านๆไปเหมือนจะเป็นข่าวที่อ่านเอาขำ ๆ แต่มานั่งคิดให้ดีนักวิชาการ(เกิน) ท่านนี้เคยมีส่วนร่วมในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่พาประเทศมาถึงทางตันอย่างที่เราเจอกันในตอนนี้ และมีภาพความหายนะมาให้เห็นตั้งแต่ การเลือกตั้ง 2562 มาถึง 2566 และระบบเลือก สว. รัฐธรรมนูญแก้ก็ไม่ได้ แปลว่า ไม่ว่าคุณจะเสนออะไรมา ต้องไม่ลืมว่า “พวกคุณคือต้นตอที่พาประเทศ”มาถึงวันนี้ ไม่ว่าคุณจะชี้นิ้วว่านักการเมืองอย่างไร คนแบบพวกคุณนั่นแหละคือส่วนหนึ่งของอุปสรรคประชาธิปไตยของประเทศ ไม่รู้ว่ามันน่าภาคภูมิใจขนาดไหน ถ้าเป็นผมคงอายลูกอายหลานที่ทำให้ “เสียงของคนหลายล้าน”ไม่มีความหมาย เพียงเพื่อออกแบบระบบมาเอาใจ “เผด็จการ”ที่กำลังร่วงโรยรา แล้วความคิดบ้าๆบอๆแบบนี้ใครได้ประโยชน์ครับ ไม่ใช่ประชาชนแน่ๆ!
จนถึงวันนี้ แม้สถานการณ์ประชาธิปไตยจะดีขึ้น(บ้าง) แต่ปัญหาหลักรัฐธรรมนูญยังอยู่ แลถการเล่นเกมของนักการเมืองอาจจะชวนหัว แต่นั่นมันยังดีที่มันมึทางออก มีประตูปกติแบบทุกชาติปกติบนโลกเขามีกันคือ ทุก4ปี ประชาชนมีสิทธิคิดใหม่เลือกใหม่ ตัดสินใจใหม่ ร่วมกันแสดงพลัง แห่งความหวัง และส่งเสียงได้ แต่ถ้าเลิกประชทธิปไตย (และไม่รู้พวกคุณจะเอาระบอบอะไร?) ที่แน่ๆ เฉพาะพวกคุณอาจจะมีกินมีใช้ มีตำแหน่งจากการที่“ประเทศอยู่นสภาวะไม่ปกติ”แบบอายนานาชาติ ไม่เป็นยอมรับ ล้าหลัง ถอยลงคลอง ตกคลองตายแล้วายอีก เศรษฐกิจพินาศ เป็นประเทศที่ทำร้ายประชาธิปไตยบ่อยที่สุดในโลกไม่เป็นไร ขอแค่พวกฉันได้ประโยชน์จากความป่วยไข้ที่มาจากอำนาจเผด็จการพอแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้มองอะไรถึงคนส่วนรวมหรอกครับ คิดเพียงแค่ตัวเองและพวกพ้อง คนที่ได้ดีจากเผด็จการเอาเข้าจริง ชั่วกว่านักการเมืองอีกนะครับ อย่างน้อยๆ นักการเมืองยังช่วยประชาชน รับฟังปัญหา เอาความเดือดร้อนไปพูดในสภา แต่ว่าคนที่ชอบมาจากการแต่งตั้งฟังเสียงใครไม่รู้ แล้วตรวจสอบก็ไม่ได้ ด้วย ประชาชนตายห่าไม่มีกินไม่เป็นไร ฉัดนและพวกต้องเข้ามามีตำแห่ง อิ่มท้อง มีหน้าตา(แต่ไม่น่าภาคภูมิใจ) ก็พอแล้ว
แล้วถ้าจะให้ชมคนพวกนี้คงมีอยู่เรื่องนึงครับ คือออกแบบระบบได้บัดซบที่สุด อยากจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เข้าสู่สภาวะปกติให้ประชาธิปไตยแข็งแรงมันชั่งยากเย็นนัก มีการวางระบบที่มา สว.ก็ไม่น่าภาคภูมิใจ ปล่อยให้เกิดการฮั้ว ได้ง่าย เอาคนไม่ตรงความสามรถมาเล่นการเมืองกันมากกว่ามาเป็น “สภาสูง” เพื่อทำให้นิติบัญัญัติเราแข็งแรง มีการตรวจสอบ กลั่นกรองกฎหมาย ทำหน้าที่อย่างสมศักดิศศรี“ คัดคนที่มีคุณสมบัติมาเป็นองค์กรอิสระอย่างปราศจากอคติ สารตั้งแต่ก็มาจากคนพวกนี้หมดเลย ประชาธิปไตยที่เราเดินไปมีแต่กับดัก มีแต่กับระเบิดทุกก้าว เดินไปก็เจอนิติสงคราม เดินไปก็เจอทุ่นระเบิดที่ทำร้ายทำลายประชาธิปไตย ต้องชมจริงๆ ประเทศจะฉิบหายยังไงไม่รู้ แต่พวกกรูจะไม่อนุญาตให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงมากจนเกินไป แล้วดูสิ่งที่พวกเราเจอ พวก สว.ที่มาจากโพยแต่ละคน พูดภาษาคนก็ไม่ยักจะรู้เรื่องนักข่าวถามก็ตอบเป็นภาษาอื่น ๆ แต่คุยภาษาคนไม่รู้เรื่อง
แล้วพอการเมืองอ่อนแอ สภาวะของอำนาจรัฐมันดูล่มสลาย เราเห็นแนวโน้มที่ไม่ดีการดำเนินนโยบายทำได้ยาก เกิดวิกฤตในทุกหย่อมหญ้า ด้วยความที่วิกฤตยุ่งยากซับซ้อนและขยายตัวไป แทนที่ประชาธิปไตยเราจะแข็งแรงแต่เสียงของความคิดถึงระบบวิปริต ความคิดที่มีเชื้อหน่อเผด็จการมีที่ยืนในสังคม แล้วสื่อประเทศนี้ก็บ้า! วิปริตพอกัน ไปให้ความสำคัญเชิญคนแบบนี้มาออกรายการ เพิ่งแสงให้คนที่หิว แต่ไม่มีพื้นที่ตอกย้ำสังคมในเรื่อง “ความเป็นปกติ” ที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ มันล้มเหลวกันที่ความคิดกันทั้งระบบทุหหย่อมหญ้า น่าเหนื่อยใจ ไม่รู้เราจะส่งมอบประเทศที่น่าอยู่ให้คนรุ่นหลังได้อย่างไร!!??


