เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 ที่กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (Thai Journalists Association) และประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (Confederation of Thai Journalists) พร้อมด้วย นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ (National Press Council of Thailand) ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวฯ ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ฯ และกรรมการบริหารสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน (Confederation of ASEAN Journalists) และ นายดำฤทธิ์ วิริยะกุล ที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวฯ ที่ปรึกษาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์ฯ และเลขาธิการสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน พร้อมคณะจำนวน 9 คน ได้ร่วมหารือกับคณะของสมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists) ซึ่งนำโดย นายเปญ โบนา ประธานสมาคมฯ และนายปุย เกีย เลขาธิการสมาคมฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ในโอกาสเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของฝ่ายกัมพูชา

นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์

โดยนายเปญ โบนาได้กล่าวต้อนรับ และแสดงความขอบคุณที่สมาคมนักข่าวฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ฝ่ายกัมพูชามาเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรู้สึกว่าวันนี้มิตรภาพของทั้งสององค์กรได้พัฒนาไปสู่ในระดับที่เปรียบเสมือนพี่น้อง ล่าสุดทางฝ่ายไทบได้สนับสนุนให้สมาคมนักข่าวกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียนลำดับที่ 8 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในโอกาสนี้ ประธานสมาคมนักข่าวกัมพูชาได้แสดงความคาดหวังว่าจะร่วมมือกับสมาคมนักข่าวฯ ต่อไป ทั้งในระดับทวิภาคี และระดับภูมิภาค เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน และประชาชนของทั้งสองประเทศ
ด้านนายปราเมศ ได้แสดงความขอบคุณทางฝ่ายกัมพูชาที่ได้ดูแลต้อนรับอย่างอบอุ่น และยืนยันว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายยิ่งมีแต่พัฒนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป และเห็นด้วยกับผู้นำองค์กรฝ่ายกัมพูชาที่ว่า ความสัมพันธ์ในระดับองค์กรวิชาชีพ จะยังผลประโยชน์แก่สื่อมวลชน และประชาชน และโอกาสเดียวกันนี้ ประธานสมาคมนักข่าวฯ ได้ถ่ายความระลึกจากนายเทพชัย หย่อง ประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน ที่ส่งผ่านมาสู่สมาคมนักข่าวกัมพูชา และคาดหวังว่าต่อไปไทย และกัมพูชาจะสามารถร่วมมือกันเพื่อพัฒนาบทบาทเชิงสร้างสรรค์ร่วมกันในกรอบภูมิภาค

หลังจากนั้น นายเปญ โบนา และนายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) ฉบับใหม่ที่จะถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในการมาเยือนกัมพูชาครั้งนี้ โดยสาระสำคัญของเอ็มโอยูฉบับใหม่ที่จะมีอายุต่อไปอีก 2 ปี ประกอบด้วย การจะร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของสื่อมวลชนสองประเทศ การจะเดินหน้าสานต่อช่องทางการสื่อสารสายด่วนที่ได้จัดตั้งไว้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารก่อนนำเสนอ หรือเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การจะแลกเปลี่ยนคณะเยี่ยมเยือนระหว่างกันเป็นประจำทุกปี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ มุ่มมองความคิด และสร้างความแน่นแฟ้น การจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อส่งเสริมศักยภาพสื่อมวลชนของสองประเทศ และ การจะร่วมมือกันเพื่อการมีส่วนร่วมต่างๆ ในกรอบของสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน

นายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์