“ เสียงนี้ที่ดัง เรียมเอ๋ยเอ็งฟัง จำได้หรือเปล่า เสียงนี้เป็นเสียงบอกกล่าว ว่าข้ามารับเจ้ากลับสุพรรณ ฯ พอได้ยินบทเพลงกลับเถิดเรียม ก็ทำให้รองเท้าแก้วคิดถึง บรรยากาศดี ๆ ที่เมืองสุพรรณ ฯ

เมื่อสายฝนโปรยปราย รองเท้าแก้วก็อยากชวนเพื่อน ๆ หนีความวุ่นวายมาเที่ยวเมืองขุนแผนดินแดนสวยงาม และสงบ ใกล้กับกรุงเทพ ฯ ณ ที่แห่งนี้ มีดีมากมาย ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมทั้งมีศิลปวัฒนธรรมน่าค้นหา พร้อมด้วยของกินละลานตา ที่มีขายตามตลาดเก่า ถ้าอยากรู้ว่าเที่ยวเมืองสุพรรณ ฯ จะหรรษา

สักเพียงใดก็ตามไปดูกันนะคะ รับรองว่าจะต้องถูกใจนักท่องเที่ยว ทั้งสายวัฒนธรรม สายอนุรักษ์ สายธรรมชาติสายประวัติศาสตร์ และสายช้อปหรือสายชิม ดินแดนแสนสุขแห่งนี้ก็มีครบจบในที่เดียว

เริ่มกันที่ “วัดป่าเลไลย์” แหล่งท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับวรรณคดีชื่อดัง อย่างเรื่องขุนช้างขุนแผนที่ใคร ๆ ต้องแวะมากราบไหว้หลวงพ่อโตองค์ใหญ่พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุพรรณบุรีซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ และยังมีจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวของขุนช้างขุนแผนนอกจากนี้ยังมีเรือนไทยโบราณอย่าง “เรือนขุนช้าง” ให้ได้เยี่ยมชมอีกด้วย…..ส่วน “คุ้มขุนแผน” แสนเจ้าชู้ ก็อยู่ที่วัดแค ซึ่งเป็นอุทยานวรรณคดีที่บอกเล่าเรื่องราวสมัยกรุงศรีอยุธยาด้วยค่ะ

นอกจากนี้ยังมี “หลวงพ่ออู่ทอง” หรือพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหิน แกะสลักบนหน้าผา ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ในพุทธมหาสถานเมืองโบราณอู่ทอง

ส่วนวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ก็มีพระปรางค์ศักดิ์สิทธิ์ พิชิตใจสายมูที่มาขอพรแล้วสมหวังปัง ๆ กันมานับไม่ถ้วนแล้ว

หลังจากเที่ยวชมวัดวาอารามกันแบบอิ่มบุญอุ่นใจแล้ว…ก็ไปต่อกันที่แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึ่งทำให้เราต้องถึงกับร้องว้าว ! เพราะคาดไม่ถึงว่าที่สุพรรณ ฯ จะมีภูเขาสูงและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามคล้ายกับภาคเหนือ โดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ก็จะได้เห็นความเขียวขจีจากทุ่งนาและป่าเขา แถมตอนเช้าได้ชมทะเลหมอกที่ชุ่มฉ่ำ พอพลบค่ำ… ก็ได้ยินเสียงดนตรีแห่งพงไพร จากจิ้งหรีด จักจั่นเรไร ส่งเสียงร้องก้องป่า…ว่าแล้ว ไม่รอช้าตามมาดูกันเลยค่ะ

“ยอดเขาเทวดา” นับว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี เพราะที่นี่มีผืนป่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติพุเตย อำเภอด่านช้าง ด้วยความสูงที่ตั้งอยู่ถึง 1,123 เมตร จากระดับน้ำทะเล จึงทำให้ยอดเขาที่สูงตระหง่านแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่รักการผจญภัย ชอบปีนป่าย “เล่นของสูง” ด้วยความสูงชันเกือบ 1,000 เมตร ก็ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวย่อท้อ….เพราะการได้ขึ้นไปยืนสูดอากาศดี ๆ บนยอดเขาแห่งนี้นับว่าเกินคุ้มจริง ๆ ค่ะ เพราะเราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา ถึง 3 จังหวัดทั้งสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และอุทัยธานี
ยามค่ำคืนก็สามารถนอนรับลมชมดาวได้ที่ลานกางเต็นท์ “ตะเพินคี่” ซึ่งทางอุทยาน ฯ ได้จัดพื้นที่ไว้ให้ หรือ ถ้าใครอยากใช้บริการลานกางเต็นท์ของชาวบ้านละแวกนั้น ก็มีให้เลือกมากมายในราคาที่จับต้องได้

ปิดท้ายกันที่ของฝากของอร่อยที่ตลาดร้อยปีชื่อดัง “ตลาดสามชุก” ที่นี่เราจะได้ชมวิถีชีวิตของผู้คน ในตลาดริมน้ำ ดื่มดำกับบรรยากาศแบบไทย ๆ ที่มีอาคารไม้โบราณก่อสร้างอย่างวิจิตร ชมพิพิธภัณฑ์บ้านขุนจำนงค์จีนารักษ์ และไม่พลาดช้อปชิมลิ้มรสของอร่อยมากมาย แถมยังได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับมาฝากคนที่บ้านอีกด้วย

ต้นฤดูฝนนี้ หากเพื่อน ๆ ไม่อยากไปเที่ยวไกล การไปเยือนเมืองสุพรรณ ฯ ในช่วง “Green Season” ก็ถือว่าน่าสนใจนะคะ
รองเท้าแก้ว…..รายงานขอบคุณภาพจาก # ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี , The Layoff Gang ,เกาะติดเหตุการณ์ สุพรรณบุรี

