กรุงเทพฯ – วันที่ 15 พ.ค.68 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ทางศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. รายงานกรณีการช่วยเหลือแม่ลูกอ่อนรายหนึ่งที่โพสต์ประกาศขายอวัยวะ เพื่อนำเงินมาเลี้ยงลูกวัย 1 ปี โดยเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมา ทีม ศรส.จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว (บพด.) จังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่เยี่ยมบ้านแม่ลูกอ่อนคนดังกล่าว ซึ่งเป็นห้องเช่าในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริง พบว่ามีอายุ 33 ปี เป็นผู้ประสบปัญหาทางสังคม ที่ประกาศขายอวัยวะของตัวเองผ่านทางสื่อโซเชียลฯส่วนตัว เนื่องจากขณะนี้ว่างงานไม่ได้ประกอบอาชีพ ทำให้ไม่มีรายได้ แต่ต้องรับภาระเพียงลำพังในการเลี้ยงดูลูกชาย อายุ 1 ปี ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด อีกทั้งประสบปัญหาครอบครัวเนื่องจากแยกกันอยู่กับสามีอายุ 35 ปี ที่มีพฤติกรรมดื่มสุราและทำร้ายร่างกายเป็นประจำ นอกจากนี้ ยังมีลูกสาวอีก 1 คน อายุ 14 ปี ซึ่งปัจจุบัน กำลังเรียนและอาศัยอยู่กับครอบครัวสามี ที่จังหวัดอุบลราชธานี

นายวราวุธ กล่าวว่า ทาง ทีม ศรส.ศรีสะเกษ ได้ประเมินหญิงดังกล่าวในเบื้องต้น สามารถพูดคุยสื่อสารรู้เรื่อง แต่มีอาการซึมเศร้า และร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้พูดคุยเยียวยาให้กำลังใจ พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับภารกิจบทบาทของกระทรวง พม. ในการคุ้มครองสวัสดิภาพ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 โดยได้ขอให้เข้ารับการคุ้มครองสวัสดิภาพชั่วคราวของหน่วยงาน พม. ในพื้นที่ แต่หญิงดังกล่าวไม่ประสงค์เข้ารับการคุ้มครอง นอกจากนี้จะพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ขณะเดียวกันทีมสหวิชาชีพได้มีการพูดคุยสร้างความเข้าใจกับหญิงดังกล่าวเกี่ยวกับการขายอวัยวะซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพื่อไม่โพสต์ขายอวัยวะลงบนสื่อโซเชียลฯซ้ำอีก และทาง บพด. จังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการซื้อขายอวัยวะ พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำและแนวทางการไกล่เกลี่ยปัญหาครอบครัว เพื่อร่วมกันวางแผนการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

