กรุงเทพฯ – วันที่ 9 พฤษภาคม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. กรณีแก๊งเด็กรวมตัวขโมยของในร้านจำหน่ายของเล่นที่อยู่บริเวณด้านหน้าอาคารของห้างฯ ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งสินค้าที่ถูกขโมย คือของเล่นเด็ก อาทิ รถบังคับวิทยุ เครื่องบินบังคับ นาฬิกา มูลค่ารวม 20,000 บาท และยังพบว่าเด็กๆ ผู้ก่อเหตุ เคยถูกตักเตือนไปแล้ว แต่ยังก่อเหตุซ้ำ โดยเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมา ทีม ศรส.จังหวัดกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว (บพด.) จังหวัดกระบี่ ได้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง ณ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกระบี่ พบเพียงผู้เสียหายที่อยู่ระหว่างลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทราบว่าแต่ผู้เสียหายไม่ได้ติดใจแจ้งความเพราะเห็นว่าเป็นเด็ก

ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี ได้ออกตรวจพื้นที่ ณ จุดเกิดเหตุ และทำแผนในที่เกิดเหตุ พร้อมสอบปากคำกลุ่มเด็กผู้ก่อเหตุขโมยของเป็นที่เป็นเรียบร้อยแล้ว มีทั้งหมด 4 คน เป็นเด็กผู้หญิง 1 คน และเด็กผู้ชาย 3 คน ช่วงอายุระหว่าง 10-14 ปี ซึ่งผู้เสียหายได้มีข้อตกลงกับผู้ปกครองของเด็กทั้ง 4 คนว่าจะไม่ดำเนินการแจ้งความเอาผิดเด็ก โดยผู้ปกครองเด็กยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายคิดมูลค่าจากราคาต้นทุนของสินค้าที่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถนำมาขายต่อได้ ทั้งสิ้นจำนวน 11 รายการ
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ บพด.จังหวัดกระบี่ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี เพื่อสอบถามรายละเอียดหลังจากตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหายในการดำเนินตามกฎหมายแพ่งและอาญา อีกทั้งได้แจ้งลงบันทึกประจำวันในการเอาผิดผู้ปกครอง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 กรณีปล่อยปละละเลยให้เด็กกระทำผิดซ้ำ และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวเด็ก เพื่อทำบันทึกข้อตกลงกับผู้ปกครองในการเลี้ยงดูเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และการเลี้ยงดูเด็กตามมาตราฐานขั้นต่ำ รวมถึงโทษของผู้ปกครองในการเลี้ยงดูเด็กไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม บพด.จังหวัดกระบี่จะนำข้อมูลของเด็กทั้ง 4 คน เข้าประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กประจำจังหวัด เพื่อพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเด็กให้ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมต่อไป