สื่อไทยเยือนสถานีวิทยุฯกว่างซี สัมผัสเสน่ห์ดนตรีพื้นบ้าน-ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนมิตรภาพ ตอกย้ำสัมพันธ์อันแนบแน่น

941

สื่อไทยเยี่ยมชมสถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซีจ้วง ทดลองพากษ์เสียง สานสัมพันธ์ไทย-จีน ผ่านสื่ออาเซียน พร้อมสัมผัสเสน่ห์ดนตรีพื้นบ้านกว่างซี ก่อนร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเสริมสร้างมิตรภาพ ณ มหาวิทยาลัยศิลปะกว่างซี

หนานหนิง ,กว่างซีจ้วง 7 พ.ค.68 เวลา 09.00น.คณะผู้เข้าอบรมโครงการพัฒนาทักษะผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนไทย (สบทจ.1) นำโดย ผศ.ดร.สืบพงศ์ ปราบใหญ่ ในฐานะหัวหน้าคณะฯ เยี่ยมชมและศึกษาดูงาน สถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซีจ้วง (Guangxi Radio and Television Station – GXRTV) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง เมืองหนานหนิง ประเทศจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ให้บริการทั้งสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในหลายภาษารวมถึงภาษาจีนกลางและภาษาจ้วง โดยมีเครือข่ายสถานีครอบคลุมทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น Beibu Bay Radio ออกอากาศไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนขับเคลื่อนบทบาทด้านการสื่อสารมวลชนของจีนตอนใต้ พร้อมขยายความร่วมมือกับประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านสื่อ

สถานีฯ มีรายการวิทยุและโทรทัศน์หลากหลายช่อง อาทิ Guangxi News Radio, Guangxi Traffic Radio และช่องข่าว GXTV-6 ที่นำเสนอเนื้อหาภาครัฐและสาระบันเทิงอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับระบบกระจายเสียงฉุกเฉิน เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยสามารถส่งคำเตือนภัยให้ประชาชนได้ทันเวลา ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเมืองถึงหมู่บ้าน

ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ GXRTV มีบทบาทสำคัญในการสร้างเครือข่ายสื่อกับกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย โดยมีการแลกเปลี่ยนและออกอากาศรายการโทรทัศน์มากกว่า 170 เรื่อง รวมกว่า 8,000 ตอน ที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่นและออกอากาศทั้งในจีนและประเทศอาเซียน และในปี 2568 นี้ GXRTV ได้ร่วมมือกับกรมประชาสัมพันธ์ของไทย จัดงาน “ASEAN-China Media Week ครั้งที่ 7” เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสานสัมพันธ์มิตรภาพผ่านสื่อและการสื่อสารมวลชนระหว่างสองประเทศ

ทั้งนี้ คณะผู้เข้าอบรมยังได้เยี่ยมชม “ศูนย์แปลและพากย์ภาพยนตร์จีน-อาเซียน” ของสถานีวิทยุฯ กว่างซี และได้ทดลองพากษ์เสียงฯในห้องปฎิบัติงานจริง โดยคณะผู้เข้าอบรมฯต่างรู้สึกสนุกและตื่นเต้นกับกิจกรรมดังกล่าว

สำหรับศูนย์แปลฯ แห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเข้าใจทางวัฒนธรรมและความร่วมมือระหว่างจีนกับชาติอาเซียน ด้วยการแปลและพากย์ซีรีส์ ภาพยนตร์ รวมถึงการ์ตูนชื่อดังจากจีนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะรายการที่สะท้อนการพัฒนาท้องถิ่นและการลดความยากจนในจีน การดำเนินงานของสถานีฯ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยใช้พลังของสื่อเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงความสัมพันธ์จีน-อาเซียน ผ่านการสื่อสารด้วยภาษาและวัฒนธรรม

จากนั้นเวลา 10.30 น. คณะผู้เข้าอบรมได้เดินทางต่อไปยัง มหาวิทยาลัยศิลปะกว่างซีจ้วง (Guangxi Arts University) ซึ่งเป็นสถาบันศิลปะชั้นนำในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เปิดพื้นที่เรียนรู้วัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ผ่าน “พิพิธภัณฑ์ดนตรีชาติพันธุ์กว่างซี” (Guangxi Ethnic Music Museum) ซึ่งตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อสะท้อนมรดกทางดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเขตกว่างซีจ้วง โดยทางพิพิธภัณฑ์ฯได้แต่งชุดพื้นเมืองชาวจ้วงและร้องเพลงพื้นเมืองต้อนรับชาวคณะอย่างอบอุ่น

จากนั้นคณะฯได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ซึ่งรวบรวมและจัดแสดงเครื่องดนตรีพื้นบ้านหายาก ทั้งของชนเผ่าจ้วง เย้า ต้ง ม้ง และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในกว่างซี โดยมีการจัดนิทรรศการถาวรและกิจกรรมเชิงปฏิบัติการที่เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสเสียงและเรื่องราวของเครื่องดนตรีท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

ภายในพิพิธภัณฑ์ฯยังมีเครื่องดนตรีจากประเทศอาเซียน กว่า 600 ประเภท รวมถึงยังมีเครื่องดนตรีไทยที่ได้รับบริจาค จากภาคเอกชนไทย(เบียร์ช้าง) จำนวน 32 ชิ้น ในโอกาสนี้ ทางสถาบันฯ ยังได้เซอร์ไพรส์คณะสื่อมงลชนไทยฯด้วยการแสดง บรรเลงวงปี่พาทย์ ที่ผสมผสานระหว่างเพลงพื้นเมืองกว่างซีและเพลงไทยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว และยังได้ร้องและบรรเลงเพลง”ลอยกระทง”ของไทย โดยคณะผู้เข้าอบรมฯได้ร่วมร้องและเต้นรำวงไปด้วยบรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน

นอกจากนี้ คณะผู้เข้าอบรมฯ ได้ประชุมแลกเปลี่ยนโครงการฝึกอบรมนักข่าวและเจ้าหน้าที่ข่าวสารจากประเทศไทย-จีน ฝ่ายไทย นำโดย ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในฐานะหัวหน้าคณะฯคุณหลี่ เหิงเถียน รองผู้อำนวยการศูนย์ฝึกอบรมการศึกษา สำนักงานสิ่งพิมพ์ภาษาต่างประเทศของจีน และคุณเซี่ย เหรินหมิ่น สมาชิกคณะกรรมการประจำคณะกรรมการพรรคคอมมินิสต์จีน รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งกว่างซี โดยการแลกเปลี่ยนไดัครอบคลุมหลากหลายประเด็น เช่น ความร่วมมือระหว่างสื่อไทยและจีน ,บทบาทของสื่อภายใต้บริบทภูมิรัฐศาสตร์โลก ,การปรับตัวของสื่อดั้งเดิมในยุคใหม่ รวมถึงภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์จีน-ไทย “สายใยรักสองแผ่นดิน”

ขณะที่ฝ่ายจีนได้แลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสื่อจีน-ไทยในยุคAI ,ความร่วมมือด้านภาพยนตร์และวัฒนธรรมจีน-ไทย ,การเสริมสร้างมิตรภาพจีน-ไทย เขียนบทใหม่แห่งความร่วมมือ ,ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-ไทย ตลอดจนความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมจีน-ไทย ตลอดการแลกเปลี่ยนบรรยากาศเป็นไปด้วยดีตอกย้ำสานสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ หลังการแลกเปลี่ยนทางมหาวิทยาลัยฯ ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางด้วย

สำหรับ มหาวิทยาลัยศิลปะกว่างซี(จ้วง) ถือเป็นสถาบันสำคัญในการส่งเสริม Soft Power ของจีนผ่านศิลปะและวัฒนธรรม โดยเฉพาะในบริบทของการแลกเปลี่ยนกับอาเซียน ซึ่งกว่างซีถือเป็นประตูสำคัญสู่ภูมิภาคดังกล่าว พิพิธภัณฑ์ดนตรีชาติพันธุ์กว่างซีจึงไม่เพียงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม หากยังเป็นเวทีสำคัญในการสืบสานและเชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นกับสังคมโลกอย่างมีชีวิตชีวา