“ทวี” ประหลาดใจ สว.ตั้งท่าร้องประเด็น “เขตปกครองพิเศษชายแดนใต้” ยันไม่ได้พูด ลั่นหากไม่หยุดเจอฟ้องแน่!!

454

กรุงเทพฯ วันที่ 18 เม.ย. จากกรณีที่มีข่าวว่าสมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่งกำลังให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาแนวทางการยื่นคำร้องต่อองค์กรอิสระเพื่อให้ตรวจสอบการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง “เขตปกครองพิเศษชายแดนใต้” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้พูด โดยได้อธิบายว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้พูดเรื่อง “เขตปกครองพิเศษ” ระหว่างเปิดงาน “เมืองโบราณยะรัง” ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยได้ยกตัวอย่างการปกครองและความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ที่มณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากเมื่อเดือนมี.ค. เพิ่งได้ไปเยี่ยม “ชาวอุยกูร์” 40 คนที่ถูกส่งกลับภูมิลำเนา เพื่อติดตามดูชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ได้แสดงความประทับใจในวิถีชีวิตของชาวอุยกูร์ในมณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นคนมุสลิมเหมือนพี่น้องในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และบอกทำนองว่าซินเจียงเป็นเขตปกครองพิเศษ ซึ่งให้คนท้องถิ่นปกครองกันเอง ทำให้คนที่นั่นมีความสุข และเคยคิดว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยจะเป็นแบบนั้นบ้างหรือไม่ ซึ่ง ภายหลังการพูดดังกล่าวปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน ทำให้กลุ่ม สว. แสดงความไม่สบายใจ เพราะเห็นว่าอาจจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ที่บัญญัติว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” และเตรียมเดินหน้ายื่นองค์กรตรวจสอบเพื่อเอาผิดตนในเรื่องนี้

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจ และขอยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้น ไม่ได้พูดเรื่อง “เขตปกครองพิเศษชายแดนใต้” เลยแม้แต่น้อย “สิ่งที่พูด คือให้ความสำคัญเรื่องภาษาและวัฒนธรรม ไม่ได้พูดเรื่องเขตปกครองพิเศษเลย เพียงแต่บอกชื่อเขตปกครองพิเศษซินเจียงที่เป็นชื่อสากลที่ชาวจีนใช้เรียกมณฑลของชาวอุยกูร์เท่านั้น ไม่ได้พูดเรื่องเขตปกครองพิเศษเลย พูดแต่เรื่องคนอุยกูร์พูดภาษาอุยกูร์แล้วแปลเป็นภาษาจีน เหมือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พูดภาษามลายู และเราให้ความสำคัญกับเรื่องวัฒนธรรม”

พ.ต.อ.ทวี ยังเห็นว่า เรื่องนี้อาจเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะ สว.สายสีน้ำเงินกำลังถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นเรื่องฟอกเงินและ “โพยฮั้ว สว.” โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และมีตนเป็นรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ จึงอาจพยายามเคลื่อนไหวเพื่อกดดันอะไรหรือไม่ แต่ยืนยันว่าตนไม่หวั่นไหว และหากทาง สว.ยังไม่หยุดดำเนินการ อาจจะต้องใช้ช่องทางตามกฎหมายในการปกป้องสิทธิของตนเองต่อไป