ยาเสพติดวาระชาติจะลุยกี่โมง.?กว่า 6 เดือนของรัฐบาลแพทองธารชาวบ้านยังสัมผัสไม่ได้ว่าปราบจริง

433


                 “ตั้งใจว่าจะไม่เขียนวิจารณ์นโยบายปราบปรามยาเสพติดที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ เพราะเคยเขียนถึงหลายครั้งแล้ว แต่มีเสียงเรียกร้องจากญาติพี่น้องและชาวบ้านที่รู้จักบอกว่าช่วยเขียนกระตุ้นเพื่อสื่อถึงรัฐบาลอีกครั้งว่า นโยบายนี้ยังล้มเหลวไม่ต่างกับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายเศรษฐา ทวีสิน แต่อย่างใด

           ทั้งที่ชาวบ้านต่างคาดหวังว่าในช่วงเวลากว่า 6 เดือน คงสัมผัสได้ว่าการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร บรรลุเป้า เพราะเชื่อในเครดิตของนายทักษิณ ชินวัตร พ่อนายกรัฐมนตรีที่เคยสร้างผลงานจนชาวบ้านสัมผัสได้ว่ายาเสพติดลดลง สิงห์ขี้ยา หายไปจากชุมชน เพราะมีทั้งไปเกิดใหม่ และการบำบัดที่หน่วยรัฐเข้ามาขับเคลื่อนบรรลุเป้า แถมช่วงที่นายทักษิณ เดินสายปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในจังหวัดทางภาคเหนือและอีสานได้ประกาศว่า”ทักษิณมาแล้วพ่อค้ายาหลบไป”

        แต่ปรากฏว่านโยบายยังไร้ผล แม้ตลอดเวลากว่า 6 เดือนจะแถลงผลจับกุมยาเสพติดได้จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นยาบ้าจับกุมได้ครั้งละหลายล้านเม็ด บางครั้งกว่า 10 ล้านเม็ด หรือยาเค ยาไอซ์ ยึดของกลางได้นับพันกิโลกรัม แต่ราคายาบ้ายังถูกเหมือนเดิมสามารถหาซื้อได้แทบทุกชุมชนในราคาเม็ดละ 30-40 บาท และมีราคาโปรโมชั่น 5 เม็ด 100 บาท

      ครั้นส่องนโยบายที่ น.ส.แพทองธาร ประกาศช่วงปลายปี 2567 ยกระดับการป้องกันและปราบปรามอย่างเข้มข้น นำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ สกลนคร นครพนม ระยอง นครศรีธรรมราช ตรัง และนราธิวาส  ขีดเส้นเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติดหรือปัญหาลดลง 90 เปอร์เซ็นต์ก่อนเทศกาลสงกรานต์

         เชื่อว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จเพราะเลยเทศกาลสงกรานต์มาแล้ว รัฐบาลไม่ได้ออกมาแถลงคืบหน้าแต่อย่างใด ที่น่าจะพอเป็นหลักฐานยืนยันว่าล้มเหลว คงจะเป็นเสียงสะท้อนของชาวบ้านที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติด

            ช่วงเทศกาลสงกรานต์”จอมมารน้อย”เดินทางไปเยี่ยมญาติที่ยะลาและมีโอกาสไปเยี่ยมญาติที่ จ.นราธิวาส และขากลับแวะเยี่ยมญาติที่นครศรีธรรมราช 2 ใน 10 จังหวัดที่รัฐบาลประกาศนำล่องยกระดับการปราบปรามยาเสพติด 

         ญาติที่นราธิวาส ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติดมาหลายปีเล่าถึงความทุกข์ระทมให้ฟังว่าพลันที่นายกฯประกาศว่า นราธิวาส เป็นจังหวัดนำร่องรู้สึกดีใจ เพราะคาดหวังว่ารัฐบาลคงจะลุยปราบปรามแบบเด็ดขาดและคงสั่งการให้ผู้นำท้องถิ่นตรวจสอบว่าบ้านไหนมีลูกหลานติดยาเสพติดบ้างแล้วนำเข้าสู่กระบวนการบำบัด  

      “จึงนั่งนับวันรอเพราะคาดหวังว่าลูกชายเสพยามาหลายปี จะถูกนำตัวไปบำบัดและคาดหวังว่าพวกพ่อค้ายาเสพติดคงจะถูกปราบปรามอย่างสิ้นซาก แต่เวลาผ่านมาหลายเดือนทุกอย่างยังเหมือนเดิม แหล่งที่ลูกชายไปซื้อยาเสพติดยังขายปกติ เคยหยุดไม่กี่วันช่วงที่รัฐบาลประกาศยกระดับการปราบปรามเท่านั้น”ญาติระบุและว่าเหมือนรัฐบาลโปรยยาหอม ที่กลิ่นจะโชยมาแค่ช่วงที่ประกาศนโยบายเท่านั้น พอเวลาทอดยาวไปกลับมาสู่วงจรเดิมๆ

     ญาติคนเดิมระบุถ้าจะปราบปรามยาเสพติดให้บรรลุผลรัฐบาลต้องประกาศลุยพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ถ้ามัวแต่นำร่อง 10 จังหวัดไม่ได้ผลแน่นอน เพราะจังหวัดนำร่องที่ถูกคุมเข้มพวกขี้ยาสามารถที่จะหาซื้อจากจังหวัดข้างเคียงได้ พวกนี้จะรู้กันแม้จะไปจากต่างถิ่นสามารถหาซื้อได้ปกติ

     ส่วนญาติที่นครศรีธรรมราชเล่าเนื้อหาที่มิได้แตกต่างจากพื้นที่นราธิวาสแต่อย่างใด หรือจังหวัดนำร่องอื่นๆอีก 8 จังหวัด แม้”จอมมารน้อย”ไม่ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากชาวบ้านในพื้นที่แต่เชื่อว่าไม่แตกต่างจาก 2 จังหวัด ถ้าเข้าเป้าจริงชาวบ้านทั้ง 8 จังหวัดคงสื่อสารผ่านสื่อโซเซียลบ้างแล้ว เพราะเป็นนโยบายที่ชาวบ้านรอคอย ยิ่งบ้านไหนที่ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติด ถ้านโยบายบรรลุผลเท่ากับช่วยถอนทุกข์ให้ทั้งครอบครัว

     จากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะแถลงผลการปฏิบัติที่ประกาศยกระดับการปราบปรามยาเสพติดนำร่อง 10 จังหวัด บรรลุผลเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ ก่อนเทศกาลสงกรานต์อย่างไร ?หรืออาจจะไม่แถลงเพราะดูแล้วน่าจะไม่บรรลุเป้าตามที่ตั้งไว้


    ยิ่งในช่วงนี้รัฐบาลอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญปัญหาหนักๆรอบด้านทั้งปัญหาปากท้อง อาชญากรรมต่างๆรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ล้วนแต่อยู่ในภาวะที่รัฐบาลไม่สามารถโชว์เป็นงานได้เลย

     ดังเพื่อสร้างผลงานอันเป็นรูปธรรมขอเสนอให้รัฐบาลทุ่มเทกับการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังทั่วประเทศในทุกมิติ เชื่อว่าไม่เกิน 3 เดือนจะได้เห็นผลงานที่มาพร้อมกับเสียงสรรเสริญจากชาวบ้านทั่วประเทศแน่นอน  !!!