กมธ.อุตฯ ให้ทดสอบเหล็กตึกถล่ม รัดกุม กันคนผิดลอยนวล ย้ำโรงงาน SKY ยังไม่เปิดสายพาน ไม่ต้องกังวลเหล็กต่ำเกณฑ์ออกสู่ตลาด

141

รัฐสภา วันที่ 10 เมษายน  นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วานนี้ในการประชุม กมธ.ได้มีการพิจารณาเรื่อง “ปัญหาการนำเหล็กก่อสร้างที่อาจไม่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน อันอาจจะเป็นสาเหตุสำคัญหนึ่งให้เกิดการพังทลายของอาคารดังกล่าว” โดยได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม, กรมโยธาธิการและผังเมือง, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ มาให้ข้อมูล

ทาง กมธ.อุตสาหกรรม ได้พิจารณาในเรื่องมาตรฐานของสินค้าที่ผลิตจากโรงงานเป็นหลัก โดยเฉพาะในกรณีนี้คือเหล็ก สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของการที่ตึกถล่มนั้นเกิดจากสาเหตุใด ต้องรอการสรุปผลจากกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่รัฐบาลตั้งอีกครั้งหนึ่ง โดย สมอ. ได้เก็บตัวอย่างเหล็กเพื่อตรวจสอบ 9 รายการ พบว่ามี 2 รายการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน สำหรับข้อกังวลเรื่องการทดสอบเหล็กก่อนและหลังการใช้งานอาจได้ผลคลาดเคลื่อน กมธ.อุตสาหกรรม จึงให้ข้อเสนอแนะว่าจะต้องตรวจสอบด้วยความรอบคอบ รัดกุม ตามหลักวิชาการ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย และให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้องรัดกุม เพื่อป้องกันคนผิดลอยนวลและเพื่อความยุติธรรม

นายอัครเดช กล่าวว่า สำหรับการขออนุญาตก่อสร้างและการตรวจสอบมาตรฐานของวัสดุก่อสร้างนั้น ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ชี้แจงว่า อาคารของราชการไม่ต้องขออนุญาตก่อสร้าง แค่แจ้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตการก่อสร้างให้ทราบเท่านั้น แต่ก่อนที่จะก่อสร้างต้องมีการเก็บตัวอย่างของวัสดุการก่อสร้างทั้งเหล็กและคอนกรีตไปทดสอบมาตรฐานเสียก่อน ซึ่งทาง กมธ.อุตสาหกรรม ได้พิจารณาจะออกหนังสือเพื่อขอเอกสารการตรวจสอบดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาเปรียบเทียบมาตรฐานการทดสอบกับเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างจริง เพื่อมาตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทาง สมอ. ได้ปลดคำสั่งการอายัดเหล็ก และให้ทางโรงงานซิน เคอ หยวน กลับมาผลิตได้อีกครั้ง สมอ. ชี้แจงว่า ได้ตรวจสอบมาตรฐานช่วงที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2567 พบว่ามีการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานของ สมอ. 2 ประการ คือ ไม่ปฏิบัติตามวิธีควบคุมคุณภาพอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามมาตรฐาน และ ผลิตภัณฑ์เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งทางกล หรือทางเคมี จึงอายัดเหล็กมากกว่า 40,000 เส้น ซึ่งทางโรงงานจะต้องดำเนินการแก้ไขตามข้อสั่งการของเสมอ.ให้เรียบร้อยก่อนผลิต และจัดจำหน่าย ปัจจุบันโรงงานยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผลิตภัณฑ์เหล็กที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานออกสู่ตลาดตามที่กล่าวอ้างในสื่อโซเชี่ยลอย่างแน่นอน

ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม กล่าววว่า เรื่องการเพิกถอนสิทธิประโยชน์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้ข้อมูลว่า จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อทางโรงงานละเมิดกฎหมาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่งบันทึกการละเมิดกฎหมายมายัง BOI ซึ่งกรณีนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งบันทึกทั้งกรณีการสั่งปิดโรงงาน และการผลิตสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไปให้แล้ว คาดว่าทาง BOI น่าจะสามารถดำเนินการเพิกถอนสิทธิประโยชน์ตามที่เคยได้ให้ข้อมูลกับกรรมาธิการต่อไป

“สุดท้ายนี้ทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมขอชื่นชมการทำงานอย่างรวดเร็ว ตรงไปตรงมาเพื่อฟื้นคืนความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรม และพี่น้องประชาชนของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรม” นายอัครเดชกล่าว