
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์, พ.ต.ท.สุรโชค กังวานวาณิชย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.หญิง ปวีณวรรณ พลหาญ สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.สุรพันธุ์ ตาขันทะ, ร.ต.อ.ธนชัย พจน์โพธิ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.ท.ชัยวิทย์ ศรจิตต์, ร.ต.ต.ดนัย วีรวรรณ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ. และจ.ส.ต.เจนภพ เตมิราช ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นายชัชนนท์ฯ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 3 หมาย ดังนี้ หมายจับศาลอาญา ที่ 1821/2567 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง , เปิด หรือ ยินยอมให้บุคคลอื่น ใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ บัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือ เพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือ ยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้ หรือ ควรรู้ว่าจะน่าไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ความผิดอาญาอื่นใด, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, มีส่วนร่วมกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรม หรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว อันเป็นความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”, หมายจับศาลอาญา ที่ 1376/2568 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสบคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”,หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.1795/2567 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่อื่น”สถานที่จับกุม บริเวณซอยหมู่บ้านจัดสรรพื้นที่ ซอย 2 ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต

พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการหลอกลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Nicshare ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวนหลายราย และมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหามีการเปิดบัญชีม้า และเป็นหนึ่งในเครือข่ายบัญชีม้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยบัญชีม้าของผู้ต้องหาได้ถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุหลอกลงทุนผ่านแอปฯ และ การกระทำความผิดอื่นๆ ในอีกหลายพื้นที่ จึงได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้มาโดยตลอด
จากการสืบสวน ติดตามข้อมูลบุคคล พบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาทำงานในพื้นที่ ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จึงได้ประสานขอความร่วมมือหน่วยงานในพื้นที่เพื่อทำการแกะรอย และรวบรวมข้อมูลจนพบว่าผู้ต้องหาได้พักอาศัยและทำงานอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในซอยหมู่บ้านจัดสรรพื้นที่ ซอย 2 จึงได้วางแผนจัดกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา จากการสอบถามทราบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับจริง จึงได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการต่อไป
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากการซักถามเบื้องต้นทราบว่าได้ทำการเปิดบัญชีธนาคารให้แก่หญิงสาวคนสนิทของรุ่นพี่ โดยอ้างว่าจะนำไปใช้งานด้วยตนเอง และไม่ทราบว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชน ในการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการลงทุนในหลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องทำการศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนเสมอ และหมั่นตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการที่ใช้งาน หากมีแหล่งที่มาที่ไม่ปลอดภัย เช่น ได้รับลิงก์การสมัครจากคนรู้จัก หรือได้มาจากแหล่งที่ปลอดภัยในเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพได้ หากประชาชนมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมาย สามารถแจ้งมาได้โดยตรงที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง Website : https://cib.go.th/ หรือ Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป