สส.ชลบุรี ชี้ชาวเกาะล้าน แบกค่าน้ำหลังแอ่น แนะผู้บริหารพัทยาต่อท่อประปาจากฝั่ง

108

ที่รัฐสภา วันที่ 22 มีนาคม 2568 ยอดชาย พึ่งพร สส.ชลบุรี เขต 9 (พัทยา หนองปรือ) พรรคประชาชน เปิดเผยถึงปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกาะล้านว่า เกาะล้าน หรือ ชุมชนบ้านเกาะล้าน มีประชาชนตามทะเบียนบ้านเกือบ 3,000 คน มีแรงงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวบนเกาะอีกราว 7,000 คน และมีนักท่องเที่ยวมาเยือนแต่ละวันอีกราว 15,000-20,000 คน เกาะล้านเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ในแต่ละวันมีความต้องการใช้น้ำราว 2,500 ลูกบาศก์เมตร แต่ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ 

เมืองพัทยาได้ให้สัมปทานน้ำประปาแก่บริษัทอีสวอร์เตอร์ โดยใช้น้ำทะเลมาผ่านกระบวนการเพื่อให้ได้น้ำจืด กําลังการผลิต 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และขายให้ประชาชนบนเกาะล้านราคายูนิตละกว่า 80 บาท ส่วนน้ำบาดาลเที่ยวละ 700-1,200 บาทขึ้นอยู่กับความต้องการและน้ำบาดาลที่ชาวบ้านสํารองกันไว้ขาย เมื่อเทียบกับคนบนฝั่งซึ่งห่างกันเพียง 8 กิโลเมตร ราคาน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคอัตราสูงสุดไม่เกิน 35 บาทต่อยูนิต จะเห็นได้ว่าราคาต่างกันมาก

ยอดชายกล่าวต่อว่า สัมปทานของบริษัทอีสวอเตอร์จะหมดลงในเดือนกันยายนปีนี้ และเมืองพัทยากําลังพิจารณาเปิดสัมปทานใหม่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเป็นบริษัทใด แต่มีข้อกําหนดว่าต้องมีกําลังการผลิตที่ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันและสามารถขยายการผลิตได้ถึง 3,000 ลูกบาศก์เมตรในอนาคต กำหนดอายุสัมปทาน 25 ปี ซึ่งต้องตั้งคำถามว่านั่นหมายถึงคนเกาะล้านต้องแบกต้นทุนค่าน้ำที่แสนแพงต่อไปอีก 25 ปีใช่หรือไม่ 

น้ำประปาเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รัฐธรรมนูญกำหนดว่ารัฐมีหน้าที่ต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จําเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ทำไมคนบนฝั่งกับคนบนเกาะถึงไม่เท่าเทียมกัน จะดีกว่าหรือไม่ถ้ามีท่อน้ำประปาจากฝั่งพัทยาส่งตรงไปหล่อเลี้ยงผู้คนและเศรษฐกิจบนเกาะล้าน เพื่อสร้างความเท่าเทียม ความมั่นคงในสาธารณูปโภค

ยอดชายทิ้งท้ายว่า ตนได้ปรึกษาหารือในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เสนอแนะไปยังผู้บริหารเมืองพัทยาให้พิจารณาการทำท่อส่งน้ำประปาจากบนฝั่งไปยังเกาะล้านเพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชนบนเกาะที่ต้องจ่ายค่าน้ำแพงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาร่วมกันระหว่างเมืองพัทยากับการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพัทยา ว่าจะใช้งบประมาณราว 600 ล้านบาท หากผู้บริหารเมืองมีความตั้งใจจะแก้ปัญหา ตนเชื่อว่าสามารถผลักดันได้ โดยบูรณาการการทำงานกับกระทรวงมหาดไทย การประปาส่วนภูมิภาค องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ทำให้ประชาชนเข้าถึงน้ำประปาซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม ยั่งยืน