ที่อาคารรัฐสภา วันที่ 17 มีนาคม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงหลังจากที่ประชุมร่วมของรัฐสภาลงมติไม่รับร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่มีสาระสำคัญในการยกเลิกข้อยกเว้น ที่ให้ศาลทหารเป็นผู้พิจารณาคดีทุจริตในกรณีข้าราชการทหาร ให้เป็นอำนาจการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตเหมือนข้าราชการพลเรือน ข้าราชการท้องถิ่น และข้าราชการการเมืองทั้งหมด
โดยวิโรจน์ระบุว่าการแก้ไขครั้งนี้ตนยืนยันได้ว่ามีการดำเนินการอย่างประณีตที่สุดแล้ว มีการปรึกษาหารือกับนักนิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักกฎหมายแห่งรัฐสภา พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลย่อมรู้ดีที่สุดถึงความลักลั่นในการพิจารณาคดีและกระบวนการของศาลทหาร ตนในฐานะผู้เสนอร่างจึงรู้สึกผิดหวังอย่างมากกับบทบาทของพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยรู้ดีที่สุดว่าศาลทหารมีความยุติธรรมมากน้อยเพียงใดและมีปัญหาอย่างไรเกี่ยวกับคดีทุจริต โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับพรรคเพื่อไทยมาตลอด
เหตุการณ์ในวันนี้จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันและเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่าพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ไม่มีความจริงใจที่จะปฏิรูปบ้านเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่หลุดจากอำนาจของกองทัพ ตนไม่เคยคิดว่าคนที่เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนเสื้อแดงจะขาดสำนึกถึงขนาดนี้
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่าเรื่องนี้มีผลกระทบต่อไปแน่ และคนที่ต้องตอบคำถามมากที่สุดหนีไม่พ้นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ชลน่าน ศรีแก้ว ซึ่งมาจากพรรคเพื่อไทยเองด้วย ตนมั่นใจว่าถ้าพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนผนึกกำลังร่วมกันกับ สว. ฝ่ายประชาธิปไตย พ.ร.ป. ฉบับนี้ย่อมผ่านได้ และจะเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่สุดในการเอากองทัพออกจากการเมือง ยกเลิกความเป็นรัฐซ้อนรัฐของกองทัพ
ส่วนในมุมของพรรคประชาชนก็คงต้องหาทางดำเนินการกับ พ.ร.บ. ที่เหลือ คือ พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 199 ซึ่งหากแก้ไขได้ก็จะเป็นหมุดหมายที่สำคัญที่จะทำให้สามารถกลับมาแก้ พ.ร.ป. ฉบับนี้ และอาจจะต้องไปแก้ไขที่ พ.ร.บ.วิธีการพิจารณาคดีศาลทุจริตต่อไป อย่างไรเรื่องนี้ต้องจัดการให้ทหารกลับเข้ากรมกอง เลิกเป็นรัฐซ้อนรัฐ เลิกมีกระบวนการยุติธรรมที่เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องตัวเองให้ได้
