รัฐสภา วันที่ 17 มี.ค. นายจารุวัฒน์ จิณห์มรรคา ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิอิมมานูเอล พร้อมด้วยคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา เดินทางมายื่นหนังสือต่อ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน (กมธ.กฎหมาย) เพื่อขอความช่วยเหลือ โดย นายจารุวัฒน์ กล่าวว่า ผู้เสียหายที่มายื่นเรื่องร้องเรียนวันนี้ถูกหลอกโดยสแกมเมอร์ชาวจีน หลอกให้ไปทำงานสุจริต เช่น รปภ.แม่บ้าน งานช่าง แต่ถึงเวลาถูกบังคับให้เปิดบัญชีม้า จนผู้เสียหายหลายคนถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งมีคนไทยหลายพันคนติดอยู่หลายจุดในกัมพูชา ไม่ใช่แค่ในปอยเปย จึงนำผู้เสียหายมาชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม จะได้ใช้ชีวิตปกติ เนื่องจากพวกเขาถูกอายัดบัญชี เพราะถูกบังคับให้สแกนหน้าให้เปิดบัญชีม้า ในขณะที่อาชญากรตัวจริงยังไม่เคยถูกจับ จึงขอร้องเรียนนายกัณวีร์ ผ่านไปยัง กมธ.กฎหมาย

นายจารุวัฒน์ กล่าวว่า ทางมูลนิธิ มีหลักฐานบุคคลที่เสียหาย และพิกัดทุกจุดที่มีคนไทยติดค้างที่หลอกลวงคนไทย มี 3,600 กว่าคน โดยผู้เสียหายช่วยมาได้จะถูกดำเนินคดีบัญชีม้า ทั้งที่เขาถูกหลอกไปทำงาน รปภ.แม่บ้าน แต่เมื่อไปถึงจะถูกยึดโทรศัพท์ ให้บอกรหัส ขังในห้องมืด ถูกบังคับสแกนหน้า โดยขณะนี้มูลนิธิอิมมานูเอล พบว่ามี 114 คน เด็กที่สุดอายุ 14 ปี แก่ที่สุด อายุ 70 ปี
ด้านนายพงศ์นริศร์ ภาสินีนนท์ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนภาคตะวันออก มูลนิธิอิมมานูเอล เปิดเผยว่า ทางมูลนิธิได้ช่วยเหลือน้องอายุ 21 ปี ถูกบังคับให้ทำยอด เมื่อทำไมได้ก็ถูกซ้อมและถูกกักขังในห้องมืด สภาพน้องตอนที่ไปรับมาพบว่าเดินไม่ได้เพราะถูกตีขาจนขาบวม และเป็นสังกะตัง เพราะถูกขังในห้องมืดไม่ได้อาบน้ำ ไม่ให้กินข้าว เป็นแผลเต็มตัว เป็นเคสที่น่าห่วงมาก ซึ่งทางมูลนิธิอิมมานูเอลพบว่าในกัมพูชา มีลักษณะแบบนี้เยอะมาก ทั้งที่มาขอความช่วยเหลือ และยังช่วยไม่ได้อีกมาก จึงฝาก สส.กัณวีร์ ช่วยเหลือด้วย เพราะตอนนี้ทางมูลนิธิรับเคสไม่ต่ำกว่า 5-6 คน ต่อวัน
ในขณะที่ตัวแทนเหยื่อชาวไทย เปิดเผยว่า ตนถูกหลอกไปเพราะอยากหางานทำ อยากมีรายได้เสริม พวกเขาจะมาหลอกว่ารายได้เท่านี้ มีเพิ่มให้ แต่มีการทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิดทางเพศ ให้เล่นยา ซ้อมให้เห็นต่อหน้า ขังพวกเราไว้ ทรมานมาก ตนไม่อยากให้คนไทยถูกกระทำ อยากให้หน่วยงานมาช่วย อย่างคนที่อยู่อย่างทรมาน อยู่ 2-3 เดือนโดยไม่ได้ติดต่อญาติ ถูกบังคับให้เล่นยาด้วย

นายกัณวีร์ กล่าวว่าในกัมพูชา ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ถูกหลอกลวงไป ซึ่งฝั่งกัมพูชานั้นปัญหาเกิดมานาน และเป็นฮับของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เราพบว่าคนไทยก็ถูกหลอกลวงไปทำงาน กลายเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์กว่า 3 พันคน ก่อนหน้านี้เห็น พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ไปพูดคุยกับกัมพูชาหลายครั้ง แต่ก็ยังเห็นการเปิดบัญชีม้า การบังคับสแกนใบหน้า กักขังคน เป็นการค้ามนุษย์ ให้เป็นแรงงานทาส ส่วนเราจะทำอย่างไร มาตรการต่างๆ จะโปร่งใส มากน้อยขนาดไหน กมธ.กฎหมายฯ จะประสานงานไปยังฝ่ายบริหาร เพื่อตรวจสอบต่อไป
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการปราบปราม 3 ตัด ไม่ว่าจะเป็นตัดน้ำมัน ตัดไฟฟ้า ตัดอินเตอร์เน็ต โดยใช้กับชายแดนฝั่งเมียนมา พบว่ายังมีเหยื่อกว่า 4 พันคน ติดค้างอยู่ในเมืองเมียวดี แต่การนำชาวต่างชาติออกมาโดยไม่ได้เข้ากลไกคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ก็ตัดตอนไม่ให้เราได้อาชญากรตัวจริง และการช่วยเหลือก็ทำได้ช้ามาก มีเพียงจีน อินโดนีเซีย อินเดีย ที่ได้ออกมาเท่านั้น ยังเหลืออีกมาก และในเมียนมาก็เป็นชาวต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่

นายกัณวีร์ ยอมรับว่า เป็นกังวลในฝั่งเมียนมา ยังมีจีนมาปราบปราม และสามารถดีลกับกองกำลังทั้ง BGF และ DKBA ส่วนกัมพูชาใช้ความร่วมมือรัฐกับรัฐ จึงอยากให้ทำงานรัฐบาลทำงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนด้วย เพราะน่าเสียดายว่าการจัดการที่เมียนมา สุดท้ายถูกตัดตอนไปเรื่องการตรวจสอบตามกลไก NRM ที่ไม่สามารถนำไปขยายผลปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ได้ “รัฐบาลบอกว่าความร่วมมือต้องเป็นระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น เรื่องต้องเป็นความร่วมมือระดับภูมิภาค กรอบองค์การสหประชาชาติ ต้องขยายกรอบความร่วมมือพหุภาคีให้มากขึ้น ต้องยกระดับจัดการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์”