รัฐสภา วันที่ 4 มี.ค.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวจดหมายชาวอุยกูร์ที่ถูกตั้งคำถามว่าใช่ของจริงหรือไม่ ว่า ตนไม่เคยบอกว่าจดหมายนี้ออกมาจากกรมราชทัณฑ์ แต่ได้จากผู้ต้องกัก ตม.สวนพลู เอกสารเป็นกระดาษฉีก เป็นลายน้ำ ที่หาได้ของกรมราชทัณฑ์ ผู้ต้องขังสามารถซื้อได้แผ่นละ 1 บาท และผู้ต้องขังทุกคนมีสิทธิจะขอกระดาษมาจากญาติ สามารถทำได้ จึงไม่ใช่ประเด็นว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
“สาระสำคัญในจดหมายของชาวอุยกูร์ เรามาดูที่เนื้อหาครับว่า เขาสมัครใจหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบ แต่กลับมาตั้งคำถามกับผมว่าเป็นของจริงหรือปลอม ผู้ต้องกักชาวอุยกูร์มีหลายคนที่ต้องคดีอยู่ในเรือนจำ ภายใต้กรมราชทัณฑ์ เขาซื้อมาแผ่นละบาท หลังปล่อยจากเรือนจำ มีผู้ต้องกัก 7 คน ชาวอุยกูร์ที่ถูกกักในห้องกักจังหวัดมุกดาหาร มีการพังห้องกักมา 5 คน ถูกดำเนินคดีทำลายทรัพย์สินราชการ มีการขโมยไฟฉาย อีก 2 คนไม่ได้ขโมยของมาอยู่ในห้องกัก จึงมีโอกาสได้กระดาษนี้มาจากกรมราชทัณฑ์ เป็นสมบัติส่วนตัวของเขา” สส.พรรคเป็นธรรม กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า สารัตถะสำคัญของจดหมายอยู่ที่เนื้อหาข้างในว่าเขาไม่สมัครใจกลับไปจีน รัฐบาลต้องมาชี้แจง เนื่องจากเดือนมกราคมเขาอดข้าวประท้วงเพราะไม่สมัครใจกลับไปจีน แต่หลังจากนั้นกลับสมัครใจ จึงเป็นเรื่องแปลก จึงต้องถามว่ามีหลักฐานตรงไหน เป็นคำถามที่ไทยต้องตอบในเวทีระหว่างประเทศ หากรัฐบาลพูดว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรฐานสากล รองรับว่าสมัครใจกลับ เคยถามเขาไหม เคยทำตามมาตฐานสากลหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของแต่ละคน มันยากที่ 40 คนจะตัดสินใจกลับพร้อมกัน ทั้งๆที่ในเดือนก่อนหน้านั้นยังอดอาหารประท้วงอยู่เลย แล้วคนที่พูดคือรัฐบาลไทย หลังมีปฏิบัติการส่งกลับไปจีนแล้ว จึงเป็นข้อกังขา “ผมไม่ได้ทำงานเรื่องนี้เพื่อจะโค่นล้มรัฐบาล แต่ทำเพื่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลไทย เร็วๆนี้เราจะต้องไปตอบคำถามคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รัฐบาลไทยต้องตอบว่าได้ดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่”

นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า ต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดกล้องวงจรปิดของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สวนพลู ในช่วงเวลา 02.00 น.ที่มีการนำชาวอุยกูร์ออกมา ต้องเอาภาพวงจรปิดมาโชว์ว่าไม่ได้ผลักดันเขาขึ้นรถ เอากล้องที่ติดตัว ตาม พรบ.ซ้อมทรมาน เอามาโชว์ให้หมด ว่าไม่มีการบังคับ เขาจะไม่มีการควบคุม ไม่มีการลากไปตามที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่มีใครถูกลากไป ทำให้ไทยหลุดพ้นข้อครหาระหว่างประเทศว่าไม่ผลักดันคนอุยกูร์กลับจีน “ผมทำเพื่อประเทศชาติ ทำเพื่อจุดยืนการทูตของไทย ที่จำเป็นต้องสง่างามในเวทีระหว่างประเทศ จะได้พ้นข้อกล่าวหา ข้อครหายังมีอยู่แล้วจะกลายเป็นข้อเท็จจริง ในการกดปราบข้ามชาติ”

สส.พรรคเป็นธรรม กล่าวย้ำถึงจดหมายทั้ง 3 ฉบับ เป็นจดหมายจริงของชาวอุยกูร์ แต่ถูกปิดกั้นอย่างจดหมาย SOS เขาส่งไปให้นักข่าวต่างประเทศ ส่งอินเตอร์เน็ต รวมถึงจดหมายของ UNHCR ทาง สตม.ไม่ส่งไปให้ UNHCR จนเขาอดข้าวประท้วง จึงเอาไปคืน จดหมายฉบับนี้จึงไม่ถึงมือนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่จดหมายผิดซอง แต่ไม่ถึงมือ จดหมายไปไม่ถึง แสดงให้เห็นว่าเขาสมัครใจหรือไม่
“ผมทำงานกับภาคประชาสังคมมายาวนาน การที่มีภาคประชาสังคมเข้าไปทำงานกับชาวอุยกูร์ รวมถึงญาติในต่างประเทศ ต้องยอมรับว่ามีการพูดคุยกันอยู่ จึงไม่แปลกหรอครับที่เขาจะใช้ความพยายามในการสื่อสารกัน ในห้องกักของ สตม.ไม่ใช่จดหมายทิพย์ ไม่ใช่จดหมายผิดซอง แต่เป็นจดหมายที่ไปไม่ถึงครับ” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ