“การแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ(รองผบก.)-สารวัตร(สว.)ตามกฎหมายตำรวจ 2565 กำลังเข้าโค้งสุดท้าย เพราะตามไทม์ไลน์คำสั่งจะมีผลต้นเดือนมีนาคม“

บรรดาชาวสีกากีต่างคาดหวังว่าจะเกิดความเป็นธรรมมากกว่าตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา เพราะได้เห็นฝีมือจัดทำโผของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ระดับรอง ผบ.ตร.-ผู้บังคับการ(ผบก.)ออกมาแบบไร้เสียงยี้ บวกคำสัญญาว่าการเซ็งลี้เก้าอี้จะไม่มีอย่างเด็ดขาด หากมีข่าวหรือร้องเรียนผู้ที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจลงนาม จะถูกสั่งย้ายเก็บกรุพร้อมตั้งกรรมการสอบสวนในทันที
บวกกับกฎหมายใหม่ที่บัญญัติทั้งแนวทางการปฏิบัติ ช่องทางร้องเรียนเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม และมีบทลงโทษผู้มีอำนาจลงนามในคำสั่ง โดยมีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) พร้อมรับเรื่องดำเนินการตามกรอบระยะเวลาอันสั้น จึงทำให้การวิ่งเต้นเพื่อหาตั๋วฝากไม่โจ๋งครึ่มเหมือนอดีตที่ผ่านมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐบาลลุยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างหนัก พร้อมจัดระเบียบข้าราชการตามแนวชายแดนทั้งฝั่งเมียนมาและกัมพูชา
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขยับก่อนทุกหน่วยด้วยการย้าย 2 นาย พล.ต.ต. 4 ผู้กำกับการ(ผกก.)และใช้โอกาสช่วงแต่งตั้งโยกย้าย รอง ผบก.-สว.จัดแถวตามแนวชายแดนทั้งฝั่งซ้ายและขวาใหม่
“พยัคฆ์น้อย 109 ”ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ตามแนวชายแดนมีจำนวนมากหรือไม่อยากถูกย้ายออกเพราะรับราชการในพื้นที่มานานคุ้นเคยกับชาวบ้านเป็นอย่างดีแล้วจึงไม่อยากปรับตัว ถึงเกิดปรากฏการณ์วิ่งเต้นหาตั๋วฝากเพื่อเข้าสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน(บช.ตชด.) โดยมีระดับนายพลคอยวางแผนวิ่งหาตั๋วจาก บิ๊กตำรวจและฝ่ายการเมืองเป็นใบเบิกทางให้
แหล่งข่าวใน บช.ตชด.เล่าให้ฟังว่าโผแต่งตั้งของตชด.ค่อนข้างลงตัวแล้ว เพราะมีการปรับย้ายและขยับขึ้นล้วนแต่เป็นตำรวจใน บช.ตชด.เป็นหลัก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าแนวทางนี้ยึดถือกันมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมก็ว่าได้ แต่ปรากฏว่ากลับมีตำรวจนอกหน่วยที่เคยรับราชการตามแนวชายแดน ถือตั๋วฝากเป็นใบเบิกทางย้ายเข้าบช.ตชด.เพื่อจะได้คุมตามแนวชายแดนเหมือนเดิม
“สร้างความอึดอัดใจให้กับตำรวจที่จัดทำบัญชีโยกย้ายอย่างมาก รวมถึงตำรวจเจ้าของตำแหน่งหลายนายที่ขยับขึ้นเพียงปีเดียว สร้างผลงานร่วมกับตำรวจหน่วยอื่นสืบสวนจับกุมทั้งยาเสพติด และสินค้าเถื่อนชนิดต่างๆทั้งตามแนวชายแดนและในพื้นที่ที่รับผิดชอบ กำลังถูกบีบให้เขียนคำร้องสมัครใจย้ายนอกหน่วย เพื่อหลีกทางให้บรรดาตำรวจที่มีตั๋วฝาก และป้องกันไม่ให้ผู้บังคับบัญชาการที่มีอำนาจลงนาม ต้องรับผิดชอบหากมีการร้องเรียน ก.พ.ค.ตร.”แหล่งข่าวระบุและว่าหากผู้บังคับบัญชายินยอมด้วยการแต่งตั้งตามตั๋วที่ฝากมาเท่ากับทำลายวัฒนธรรมการแต่งตั้งโยกย้ายภายใน บช.ตชด.ที่ยึดถือกันมายาวนานคือบุคลากรในหน่วยจะเติบโตตามสายงานจนถึงระดับผบช.ก่อนขยับเป็นสู่ระดับ ตร.
สำหรับ บช.ตชด.จัดเป็นหน่วยงานพิเศษมีหน้างานหลักดูแลความสงบเรียบร้อยตามแนวชายทั่วประเทศ จะต้องสั่งสมประสบการณ์และความชำนาญในพื้นที่รับผิดชอบ ส่งผลให้งานบริหารงานบุคคลต้องใช้กำลังคนภายในเป็นหลัก ทำให้ที่ผ่านมาจะมีม ตชด.ย้ายออกนอกหน่วยน้อยมากและย้ายเข้าก็น้อยเช่นกัน
นอกจากงานรักษาชายแดนแล้ว ตชด.ยังเชี่ยวชาญงานมวลชนสัมพันธ์ ลงไปสร้างแนวร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่หล่อแหลมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะบทบาทของครูในโรงเรียน ตชด.ตามถิ่นกันดาร หรือแม้แต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตชด.มีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติสุขในชุมชน และที่สำคัญแทบจะไร้ข่าวตชด.ไปเอี่ยวผลประโยชน์กับธุรกิจเถื่อนตามแนวชายแดน
แต่ในคำสั่งแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว.ที่กำลังจะมีผล วัฒนธรรมองค์กร ตชด.กำลังถูกตำรวจบางกลุ่มที่ต้องการใช้บทบาทของ ตชด.แสวงประโยชน์ทำลาย ด้วยการวิ่งเต้นใช้ตั๋วฝากเป็นใบเบิกทางเข้ามาสวมตำแหน่ง
หากปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ทำนองดังกล่าวขึ้นจริง เชื่อว่า บช.ตชด.จะมีลักษณะที่ไม่แตกต่างกับกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่ บิ๊กตำรวจหลายนายได้ใช้เป็นเครื่องมือแสวงประโยชน์แต่งตั้งคนใกล้ชิดไปรับตำแหน่งแล้วย้ายลูกหม้อสันติบาลที่ชำชองงานข่าวออกนอกหน่วย
ส่งผลให้งานข่าวของสันติบาลที่รัฐบาลแต่ละยุคต้องรับฟังแล้วนำไปตัดสินใจ กลายเป็นหน่วยข่าวที่ถูกเมิน จนแทบจะไม่มีบทบาทในวงประชุมข่าวความมั่นคงมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
ดังนั้นเพื่อให้วัฒนธรรมของ บช.ตชด.ยังคงความขลังและตชด.ทุกนายได้ก้าวหน้าในหน่วยที่ตัวเองสังกัดแบบไม่ต้องวิ่งเต้น ต้องฝากถึงผบ.ตร.และผบช.ตชด. คุมเข้มจัดทำโผแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว.ของบช.ตชด.แบบตรงไปตรงมา อย่าให้ตั๋วฝากทำลายขวัญกำลังใจของตชด.ทั้งประเทศเลย
