กัณวีร์‘ เดือด !! ถามทำไมรัฐบาลไทยไม่รู้จักมนุษยธรรม หลังส่ง 48 อุยกูร์กลับจีน

142

ที่รัฐสภา วันที่ 27 ก.พ.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ร่วมอภิปรายญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ กลับไปประเทศจีน ว่า “1 ปี 9 เดือนที่ผ่านมาในอาชีพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นนักการเมือง วันนี้เป็นวันที่ผมอึดอัดมากที่สุด ในการที่จะต้องลุกขึ้นมาอภิปราย และวันนี้หากผมจะร่ำไห้ในการอภิปราย ผมจะไม่ให้ร่ำไห้ให้กับพี่น้องชาวมุสลิม จะไม่ร่ำไห้ให้กับชาวอุยกูร์ แต่ตนเองจะร่ำไห้ให้กับการบริหารจัดการในรัฐบาลชุดนี้กับการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นกำเนิด โดยต้องกลับไปเผชิญหายนะต่อชีวิตของพวกเค้าครับ”

นายกัณวีร์ กล่าวว่าอีกหนึ่งเหตุผลที่มาเป็นนักการเมืองคือ การแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยที่เกี่ยวข้องกับชาวอุยกูร์ โดยเข้ามาเป็นนักการเมืองจากคนที่ทำงานมนุษยธรรมที่พยายามแก้ไขปัญหาที่อยู่ใต้พรมมาอย่างยาวนาน คือการที่นักการเมืองไทย ไม่เคยได้ยินคำว่า “ผู้ลี้ภัย” ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานมนุษยธรรม จึงกระโดดเข้ามาเพื่อที่จะเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะผู้ลี้ภัยพี่น้องมุสลิมอุยกูร์ แต่วันนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่า ความพยายามไม่เเป็นผล เสียงสะท้อนจากสังคม เสียงสะท้อนจากเวทีระหว่างประเทศ ขอให้ไทยช่วยพิจารณาการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน โดยยึดหลักทางด้านมนุษยธรรม ไม่เคยเข้าไปในหูรัฐบาล ซึ่งข่าวลือทั้งหลายที่ตนเอามาพูดถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว โดนทุกคนตีหมด ว่า กัณวีร์ชอบออกข่าวลือว่าจะมีส่งกลับในการผลักดันชาวลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นกำเนิด จนเมื่อวานนี้ข่าวลือทั้งหมดเป็นความจริง ซึ่งการผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศต้นกำเนิด ไม่เอื้ออำนวยให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ไม่ใช่แนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน

“หากพวกท่านไม่เข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย หากท่านไม่เข้าใจสถานการณ์ในเรื่องมนุษยธรรม ถามผู้รู้ ถามคนที่ทำงานอย่าใช้ความมั่นคงมาพิจารณาในการตัดสินใจหาเหตุผลในการแก้ไขปัญหาเรื่องผู้ลี้ภัย” นายกัณวีร์ กล่าว และว่า ตนเองไม่อยากจะเอ่ยนามสำนักงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่เสนอในเรื่องเกี่ยวกับการผลักดันผู้ลี้ภัยให้กับประเทศต้นกำเนิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายถ้าประเทศไทยเรายังไม่รู้จักคำว่ามนุษยธรรม

“ทำไมทุกคนถึงไม่เห็นว่า ”มนุษย์“ คือ ”มนุษย์“ ทำไมทุกคนชอบมองเห็นมนุษย์คือ สิ่งของ วันนี้เขาส่งคนกลับไปกว่า 40 ชีวิต ชีวิตเขาอยู่ตรงไหน ตอนนี้เขาก็คือคนอย่างพวกเรา เขามีชีวิต มีจิตใจ และมีครอบครัวท่านไม่รู้การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ถามผู้รู้ ซึ่งนี่คือแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในเรื่องมนุษยธรรมบนเรื่องที่สอดคล้องกับเรื่องผู้ลี้ภัย เราไม่มีกฎหมายใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยคือ ปัญหาของเรา เราในฐานะสภานิติบัญญัติ เราจำเป็นต้องพิจารณาด่วนในการแก้ไขปัญหาของเรื่องนี้ เราไม่สามารถปิดหูปิดตาสาธารณะชน เราไม่สามารถปิดหูปิดตาเวทีระหว่างประเทศได้อีกต่อไป ลืมหูลืมตาเปิดดูว่าชีวิตนี้โลกนี้มันมีเรื่องอะไรอีกบ้าง” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ จึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยทั้งหมด 3 แนวทาง 1.การเดินทางกลับประเทศต้นกำเนิดแบบสมัครใจ ซึ่งเขาต้องเดินทางกลับประเทศต้นกำเนิดของเขาแต่ต้องสมัครใจ เมื่อเช้าเขาเดินทางกลับประเทศต้นกำเนิดด้วยความสมัครใจหรือไม่นั้น ตนเองตอบได้เลยว่า ไม่ นี่คือแนวทางแรกแต่ปรับใช้กับชาวอุยกูร์ไม่ได้ 2.การผสมผสานกลมกลืนในประเทศที่ขอลี้ภัยหากเขาลี้ภัยเข้ามาแล้ว หากเรามีกฎหมายรองรับให้เขาสามารถทำงานได้ ให้เขาสามารถอยู่ได้ ให้เขาสามารถมาเป็นแรงงานข้ามชาติได้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เราเรียกว่าการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน หากเราสามารถทำได้ประเทศไทยจะสามารถเปลี่ยนภาระเป็นพลัง และ 3.การตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม ซึ่งแนวทางนี้น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ ซึ่งการเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม โดยใช้การรวมครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อยู่ในห้องกักมายาวนานถึง 11 ปี แต่ทำไมไม่คิดถ้าไม่รู้ถามผู้รู้

นายกัณวีร์ ฝากไปยังสภาผู้แทนราษฎรว่าพี่น้องมุสลิมชาวอุยกูร์ถูกผลักดันกลับไปชะตาชีวิต พวกเขาเป็นอย่างไรเรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนเองมาพูด และสุดท้ายข่าวลือเป็นความจริง  เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนที่ตนเองเสนอไปทั้ง 3 ข้อนั้น ตนเองขอให้สภาฯ นำไปพิจารณาเสนอให้กับคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา