เมื่อวันที่ 25 ก.พ.68 ที่ สภ.โพธิแก้ว พล.ต.ท. นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พร้อมคณะได้แถลงว่า จากกรณีเหตุพบผู้เสียชีวิตตามที่รายงานเหตุที่น่าสนใจให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วนั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 7 , ตำรวจสืบสวนจังหวัดนครปฐม , ตำรวจสืบสวน สภ.โพธิ์แก้ว บูรณาการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดจนกระทั่งสามารถติดตามจับกุม นายไพรัช(สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ชาว ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ จีที สีแดง หมายเลขทะเบียน 2ขฮ 5107 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน , สร้อยคอทองคำ (ปลอม) จำนวน 1 เส้น,กางเกงยีนส์ เสื้อยืด รองเท้า ของผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี

จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ มูลเหตุจูงใจ ประสงค์ต่อทรัพย์ พิสูจน์หลักฐานตรวจเก็บ DNA ที่ของกลางและตัวผู้ต้องหาส่งผู้ต้องหาตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลสามพราน พฤติการณ์และการกระทำผิดของผู้ต้องหาเป็นการกระทำผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานเพื่อตระเตรียมการและชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จึงเรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อโปรดทราบ
ผบช.ภ.7 กล่าวว่า จากกรณีที่ พบศพหญิงเสียชีวิตปริศนาเจอศพอยู่กลางทุ่งนา มีรอยและของที่ใช้รัดที่คอ ที่แปลกคือ ยังไม่มีร่องรอยการถูกข่มขืน และทรัพย์สินสูญหาย แต่เสื้อที่เธอใส่ อยู่ในสภาพกลับด้าน ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาตนได้สั่ง ระดมชุดสืบสวนฯ ออกค้นหาเบาะแสคนร้าย หรือคนที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม หญิงอายุ 45-50 ปี ที่ศพอยู่กลางทุ่งนา ในซอยไร่ขิง 34 อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
จากการสอบสวน ผู้ที่พบศพเป็นคนแรก เผยว่าตอนนั้นกำลังไปหาใส้เดือนให้ปลากัด แล้วเห็นคนคล้ายเป็นลมอยู่กลางทุ่งนา เลยขี่รถไปดูใกล้ ๆ ไปสังเกตเห็นอะไรบางอย่างคล้ายเชือกอยู่ที่คอ ก็คิดว่าไม่น่าใช่เรื่องปกติ เลยไปตามพี่ที่รู้จักให้มาช่วยกันดู ระหว่างนั้นไปสังเกตเห็นรถแท็กซี่คันหนึ่ง เปิดไฟกะพริบฉุกเฉินวนเวียนใกล้จุดที่พบศพ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ

สภาพศพที่ตำรวจไปเจอเชือกที่ใช้รัดคอ อาจเป็นเข็มขัด หรือสายกระเป๋าสะพาย เสื้อแขนยาวที่ใส่ อยู่ในสภาพกลับด้าน เสื้อชั้นในอยู่ในสภาพปกติ ปาก กับ ตา มีเลือด กางเกงยีนส์ติดกระดุม 1 เม็ด และ ซิปไม่ได้รูดขึ้น มือซ้ายจุ่มอยู่ในน้ำ สภาพซีด มือขวากำต้นหญ้า บริเวณแผ่นหลัง แขน ขา มีรอยเขียวช้ำ
จากการที่ชุดสืบสวนได้ดูภาพวงจรปิดหาตัวผู้ต้องหาสงสัย หรือคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็ยังไม่เจอรถแท็กซี่ต้องสงสัย ต่อมาได้กลับไปคุยกับ นายยุทธ คนที่เจอศพเป็นคนแรกอีกที ว่าทำไมถึงผิดสังเกตเรื่องรถแท็กซี่ เจ้าตัวบอกว่า เพราะรถคันนี้จอดห่างจากจุดเจอศพประมาณ 200 เมตร เปิดไฟฉุกเฉินนานกว่า 10 นาที ก่อนจะเคลื่อนตัวช้า ๆ ออกไปทางพุทธมณฑลสาย 5 ซึ่งปกติแล้ว จุดนี้จะไม่ค่อยมีชาวบ้านใช้บริการรถแท็กซี่ เพราะส่วนใหญ่ใช้รถส่วนตัว จะมีบางครั้งที่แอบเคยเห็นหนุ่มสาวมามีอะไรกัน
ขณะที่ตนได้ลงมาดูที่เกิดเหตุด้วยตนเองแล้วได้เรียกทีมสืบสวนประชุมที่ สภ.โพธิ์แก้ว ซึ่งขณะนั้นยังไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ผู้เสียชีวิต ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า ชาวบ้านในละแวกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็มีเบาะแสผู้ต้องสงสงสัยชุดสืบสวนได้เร่งตรวจสอบ จนสามามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ซึ่งพยานหลักฐานมัดตัวแน่นตามที่แถลงข้างต้น ”ผบช.ภ.7 กล่าว
