”รองฯโจ“ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.ทวงถามผลการไต่สวนปมถูกกล่าวหากระทำความผิด และผลตรวจสอบข้อเท็จจริง ร้องทุกข์กล่าวโทษคณะพนักงานสอบสวนภาค 2

557

เมื่อวันที่ 24 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 (เวลา 14.00 น.)ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีต รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้เดินทางไปยื่นหนังสือ เรื่อง ขอทราบผลการดำเนินการไต่สวนกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด และผลการดำเนินการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง ร้องทุกข์กล่าวโทษคณะพนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 หนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่า เรียน เลขาธิการ ป.ป.ช.อ้างถึง บันทึกขอความเป็นธรรม ของ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ฉบับวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 2.หนังสือสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดฑลบุรี ลับ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 เรื่อง ขอทราบรายละเอียดตามบันทึกขอความเป็นธรรมเพิ่มเติม

บันทึกยื่นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา อันเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นใหม่ ของ พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ฉบับลงวันที่ 21 ธันวาคม 2565 5.หนังสือสำนักงาน ป.ป.ช. ลับ ที่ ปช 0020/0855 ลงวันที่ 3 เมษายน 2567 เรื่อง ขอทราบข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐาน

หนังสือตำรวจภูธรภาค 2 ที่ ตช 0017 27/8848 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ส่งสำนวนการสอบสวนกรณี พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดสิ่งที่ส่งมาด้วย 1 สำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี จำนวน 2 แผ่น 2.หนังสือกองคดี แจ้งผลการตรวจสอบคำสั่งอนุมัติให้ไปช่วยราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 1 แผ่น 3 บันทึกชี้แจงข้อกล่าวหาของ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ฉบับลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1565 จำนวน 46 แผ่น 3.สำเนาคำฟ้อง ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 อท 6 /2566 จำนวน 7 แผ่น 4,หนังสือแจ้งผลการดำเนินการทางวินัย จำนวน 3 แผ่น 5.สำเนาคำสั่ง ตำรวจภูธรภาค ที่ 196/2566เรื่อง อนุญาตให้ข้าราชการตำรวจลาออกจากราชการ จำนวน 1 แผ่น

ตามหนังสือของข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ที่อ้างถึงข้างต้น ได้ยื่นบันทึกขอความเป็นธรรมต่อป.ป.ช.ประจำจังหวัดชลบุรี ด้วยมูลคดีกล่าวหาข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กระทำความผิดเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 1567 มาตรา 200 และตาม พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 2 ที่ 276 /2556 ลงวันที่21 ตุลาคม 2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนสอบสวน ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 08.19 นาฬิกาฬิกา สถานี ตำรวจภูธรเมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุ ทำร้ายร่างกาย บริเวณแอทไซค์พลูวิลล่า ถนนจอมเทียนสายสอง หมู่ที่ 1/2, ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

โดยการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายกับพวกได้นัด หมายกันมาเช่าที่พักในพื้นที่เมืองพัทยาเพื่อเที่ยวพักผ่อน โดยได้เข้าพักที่บ้านที่เกิดเหตุ ต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 07.00 น. ซึ่งเป็นวันเวลาที่เกิดเหตุ ได้มีกลุ่มชายไทยเบื้องต้นไม่ทราบว่าผู้ใด ได้เข้ามาภายในบ้านดังกล่าว โดยมีอาวุธปืนมาด้วย โดยกลุ่มชายไทยดังกล่าว ได้ถามหาคนชื่อ มิ้น แต่ไม่ได้รับคำตอบว่าคนชื่อ มิ้น อยู่ที่ใด จึงได้บังคับ ข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยว กลุ่มผู้เสียหาย พร้อมทั้งได้ใช้อาวุธปืนยิงประมาณ 3-4 นัด นั้น เป็นเหตุให้รถยนต์ของผู้เสียหายได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นกลุ่มชายไทยดังกล่าวได้หลบหนีไป

ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรมืองพัทยา และได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาดังกล่าว คดีอาญาที่ 31660/2565 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ต่อมาได้มีกลุ่มผู้ต้องหาได้เข้าพบและมอบตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ที่ ตำรวจภูธรจังหวังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ๒๕๖๕ หลังจากนั้นได้นำส่ง ตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน ตามกฎหมาย

จากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีบุคคลที่แอบอ้างหรือสมอ้างว่าเป็นบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดตัวจริงเข้ามามอบตัวในครั้งนั้นด้วย ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ข้อ 18 เวลา 17.05น. วันที่ 27 ตุลาคม 2565?เวลา 12.00 นาฬิกา(สิ่งที่ส่งมาด้วย 1 ) พันตำรวจเอก ชัยวัฒน์ แป้นสุวรรณ ผู้กำกับการ(สอบสวน)กองตรวจสำนวนคดี กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวรภูธรภาค 2 แจ้งว่าได้รับสั่งการจาก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ให้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กรณีได้รับรายงานการสืบสวนจาก พันตำรวจเอก เขมรินทร์ พิศมัย ผู้กำกับการตำรววจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดตราดรายงานผลการสืบสวนกรณีกลุ่มคนร้ายบุกรุกบ้านพักแอทไซค์พูลวิลล่า โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า มีการจ้างหรือใช้ ให้บุคคลอื่นเข้ามาสมอ้าง แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นคนร้ายที่เข้าไปบ้านพักและกระทำความผิดเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิดตัวจริงมิให้ถูกดำเนินคดี ผู้สืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงหลักฐานว่า มีข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี คือข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำบุบุคคลอื่นมารับสมอ้างเป็นผู้กระทำความผิด

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้มอบหมายให้ร้องทุกข์ให้มีการสอบสวนดำเนินคดีทางอาญาตามกฎหมายต่อไปตามข้อเท็จจริงข้างต้น ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ต้องถูกดำเนินคดีอาญา ด้วยคณะพนักงานสอบสวน ตามนัยคำสั่ง ตำรวจภูจภูธรภาค 6 ที่ 276/2565 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และถูกดำเนินคดีทางวินัย ตามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 ที่ 2884/2565ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้าพเจ้า ขอตั้งข้อสังเกตุ ดังต่อไปนี้


การดำเนินคดีทางอาญาของคณะพนักงานสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 มีการสอบสวนอันมีลักษณะกำหนดผลการสืบสวนสอบสวน และระบุผู้กระทำความผิดไว้ก่อนการรวบรวม พยานหลักฐานเสร็จสิ้น เพื่อจะแกล้งให้บุคคลซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต้องรับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้น ซึ่ง ข้าพเจ้า พันตำรวจกรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ได้รับรู้และโต้แย้งการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนมาโดย ตลอด เนื่องจากเป็นผู้เสียหายได้ผลกระทำทบโดยตรง โดยคณะกรรมการสอบสวน ยึดถือหลักฐานตานตามรายงานการสืบสวนของ พันตำรวจเอกเขมรินทร์ พิศมัย เป็นพยานหลักฐานหลักเพียงเท่านั้น อันสอดคล้องต้องตรงกันกับ

รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของสถานีตำรารวจภูธรเมืองชลบุรี กรณีพันตำรวจเอก ชัยวัฒน์ แป้นสุวรรณ ลงบันทึก แจ้งไว้ รายงานการสืบสวนซึ่งกระทำโดย พันตำรวจเอก เขมรินทร์ พิศมัย ฉบับลงวันที่ 22 ตุลาคม 2565 และฉบับลงวันที่ 25 ตุลาคม 2565เป็นรายงานที่กระทำไปโดยมิชอบ เป็นเท็จ มีลักษณะกำหนดผลการสืบสวนสอบสวน และระบุผู้กระทำความผิดไว้ก่อนการรรบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น ซึ่งข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ได้ใช้สิทธิทางศาลแล้ว (สิ่งที่ส่งมาด้วย 5 )

ซึ่งการเร่งรัดแจ้งข้อกล่าวหาโดยใช้อำนาจตามสายการบังคับบัญชาเรียกให้ข้าพเจ้าเข้าพบ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในวันที่ 29 ตุลาคม 2565 (หากพิจารณาห้วงเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานนั้นสั้นผิดปกติ) ทั้งที่ยังไม่ได้มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่การแจ้งข้อกล่าวนี้โดยอาศัยเพียงข้อเท็จจริงจากบันทึกรายงานการสืบสวนของคณะพนักงานสืบสวนของ พันตำรวจเอก เขมรินทร์ บันทึกรายงานการสืบสวนของคณะดังกล่าว ไม่ปรากฏว่ามีประจักษพยานที่ยืนยันว่ามีการกระทำความผิด แต่ปรากฏว่ามีเพียง พยานหลักฐานและพยานบุคคลอันเป็นถ้อยคำของพยานแวดล้อมที่เชื่อได้ว่าได้ก่อเกิดหรือการได้มาโดยการใช้วิธีการที่มิชอบ ไม่ว่าจะเกิดจากการบีบบังคับ จงใจ มีคำมั่นสัญญา หลอกลวง หรือโดยมิชอบด้วยประการอื่น โดยการแนะนำเกี่ยวกับทางคดีว่าคดีนี้มีหลักฐานแล้ว หากให้ข้อมูลที่ เป็นประโยชน์จะไม่ถูกดำเนินคดี อันเป็นการจูงใจ หรือการให้คำมั่นสัญญาว่า ให้การอย่างนั้นอย่างนี้จะไม่มีการ ดำเนินการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพยานผู้ให้ถ้อยคำในส่วนที่เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจากรายงานการสืบสวนของ พันตำรวจเอก เขมรินทร์ กล่าวอ้างว่ากลุ่มผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับเว็ปพนันออนไลน์ แต่กลับไม่มีการดำเนินการหรือ ดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าว อันถือว่าเป็นการให้สัญญา การหลอกลวงให้รับสารภาพ หรือชี้แนะว่าคดีความผิด เล็กน้อยศาลคงรอลงอาญา อันถือว่าเป็นการหลอกลวง และเป็นที่ประจักษ์ว่าตัวพยานบุคคลที่ให้ถ้อยคำได้ถูก


คณะพนักงานสืบสวนบังคับควบคุมตัวไปไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เป็นระยะเวลานาน ซึ่งการชักถามพยานเหล่านั้นเป็นการซักถามที่มีรูปแบบสอบถามเชิงข่มขู่ และเกินขอบเขตจนเห็นว่าเป็นการทรมานต่อจิตใจหรือว่ามีการกระทำให้พยานเหล่านั้นตกอยู่ในอำนาจของความเกรงกลัว อันถือว่าเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย กรณีถือว่าเป็นถ้อยคำของบุคคลที่เข้ามาเป็นพยานให้ถ้อยคำในชั้นสืบสวนที่ให้การไว้ที่เกิดขึ้นจากการจูง ใจ มีคำมั่นสัญญา หลอกลวง หรือโดยมิชอบด้วยประการอื่น ถือว่าเป็นถ้อยคำที่ออกมาโดย “ไม่สมัครใจ” จึงไม่มี ความน่าเชื่อถืออยู่ในตัวเอง ไม่สามารถอ้างเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิด และยังเชื่อได้ว่าการซักถาม


การบันทึกถ้อยคำพยานจึงไม่อาจรับฟังได้ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นใดที่ได้มาโดยมิชอบ ไม่มีอำนาจกระทำได้ถือว่า เจ้าพนักงานใช้วิธีการโดยมิชอบ จึงต้องห้ามในการรับฟังเพื่อใช้พิจารณาความผิด เพื่อเป็นการยับยั้งมิให้เจ้า พนักงานกระทำการเช่นนั้นอีก และความบริสุทธิ์ยติธรรมของศาลหรือองค์กรยุติธรรมจะเสื่อมเสียไปถ้ายอมรับฟัง

ตาม มาตรา 226 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และอาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของข้าพเจ้าพันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ตามรัฐธธรรมนูญและละเมิดต่อบทบัญญัติตามกฎฎหมายอื่นๆ โดยรัฐธธธรรมนุญ แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในหมวดที่ 3 ด้วย ดังนั้นการนำหรือกล่าวอ้างพยานหลักฐานดังกล่าว นำมาสู่ พิจารณามูลความผิดโดยเห็นควรเชื่อว่าได้กระทำความผิดดังกล่าวข้างต้น การแจ้งข้อกล่าวหาของคณะพนักงาน สืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 2 เป็นการกระทำมิชอบ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอาศัยข้อเท็จจริงและ พยานหลักฐานจากพยานที่ก่อเกิดหรือได้มาโดยมิชอบ และยังมิได้เป็นที่ปรากฎชัดว่ามีการกระทำความผิดจริง หรือไม่

เนื่องจากไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่ามีการกระทำความผิดจริงตามที่มีการกล่าวหา แต่กลับรวบรัดหรือเร่งรัดในการแจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าพเจ้า โดยมิได้พิจารณามูลความผิด ทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้น้ำพยานหลักฐาน หรือข้อเท็จจริงเพื่อมุ่งพิสูจน์ความจริงในส่วนของตนเองตามกฎหมายแต่อย่างใดตามความมุ่งหมายของมาตรา 133 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาประเด็นความไม่ชอบของพยานหลักฐานในส่วนของรายงานการสืบสวน เนื่องคดีกลุ่มวัยรุ่นได้บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายในพื้นที่เมืองพัทยา ประชาชนให้ความสนใจ ตำรวจฎธรภาค 2 ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งที่276/2565 นอกจากนี้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ ได้รับมอบหมายจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ลงมากำกับดูแลการสอบสวนสืบสวน และติดตามคดี ด้วยตนเอง

แต่ข้อเท็จจริงไม่พบว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ให้อำนาจ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ให้มีอำนาจมอบหมายสั่งการ หรือแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าทำการสืบสวนหรือติดตามแทนได้ การที่ปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบสวนว่า พันตำรวจเอก เขมรินทร์ อ้างว่า พลดำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้มอบหมายให้ตนเข้าร่วมทำการสืบสวนโดยได้ร่วมกับพวก แบ่งหน้าที่กันทำ แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนทั้งที่ตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่นั้น โดยกระทำการสอบสวนปากคำพยานบุคคลจำนวนหลายปาก อันเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายและคำสั่ง ตามนัยคำสั่งสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2565 เรื่อง การสอบสวน และผิดตามมาตรา 171 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2565 มีการจดแจ้งความเท็จด้วยการนำเสนอผลการสืบสวนอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย รายงานต่อ พลดำรวจเอก สุรเชษฐ์ และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการกล่าวหาดำเนินคดีกับข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ ทั้งทางอาญาและทางวินัย การไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนคดีดังกล่าว ซึ่งเป็น คดีอาญาที่ 3160/2565 ของสถานีตำรวจภูฏฎรเมืองพัทยา (กลุ่มวัยรุ่นร่วมกันบุกรุก,ทำร้ายร่ายกายและใช้อาวุธ ปืนยิงฯ) ประเด็นนี้ กองคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือ ที่ ตช ๐๐๑.๒๒/๒๙๖๖๖๖ 091.22/2966 ลงวันที่ 24 ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ขอข้อมูลและคัดถ่ายคำสั่งสำนังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สิ่งที่ส่งมาด้วย 2 ) ตอบเรื่องของของ พลตำรวจตรี กิตติ์ธเนศ นนันท์ทวีสิน (ข้าราชกาตำรวจซึ่งดำเนินคดีและวินัย โดยมูลเหตเดียวกัน) ยื่นยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่พบว่าได้มีการออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสอบสวน เพื่อรับผิดชอบทำการสืบสวนคดีอาญาที่ 31660 /2565 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ดังนั้น จึงไม่มีกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอนุมัติให้ข้าราชการตำรวจไปราชการเพื่อทำการสืบสวนคดีอาญาดังกล่าว ด้วยเหตุ ดังกล่าวจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการสืบสวนและรายงานการสืบสวนของ พันตำรวจเอก เขมรินทร์ พร้อมพวกจึงมิชอบด้วยกฎหมาย

คณะพนักงานสอบสวน ตามคำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 2 ที่ 276!/2565 ได้ดำเนินการตาม มาตร 61 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่บัญญัติให้พนักงานสอบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นแล้วส่ง สำนวนการสอบสวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ แต่ด้วยการเร่งรัดการแจ้งข้อกล่าวกับข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ เพียงเพื่อประสงค์ให้ให้ได้ข้อมูลหรือได้ผลงาน ให้กับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ เพื่อแถลงข่าวในวันที่ 30 ตุลาคม 2565 ที่สถานีตำรวรภูธธรเมืองพัทยา การสอบสวนปากคำโดยวิธีการบันทึกเทปและเสียง ยังไม่มีการถอนบันทึกภาพและเสียงของข้าพเจ้า พันตำรวจเอกกรวัฒน์ ออกมาเพื่อลงนามแต่อย่างใด เมื่อคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งตำรวจจฎธรรภาค 2 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบุรี ตามหนังสือ ตำรวจภูธรภาค 2 ที่ ตช ๐๐๐๗.๒๗ 007.27 /88844848 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565?ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการชั้น ป.ช.ด้วย พันตำรวจเอกชัยวัฒน์ แป้นสุวรรรณ ได้รับสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นำเอาข้อเท็จจริงตามบันทึกรายงานการสืบสวนฉบับของ พันตำรวจเอก เขมรินทร์ พิศมัย เป็นผู้จัดทำรายงาน แจ้งความร้องทุกข์ตามประจำวันเกี่ยวกับคดีอาญา สถานีตำรวรวจภูธรเมืองชลบุรี ข้อ 18!เวลา 17.05น.วันที่ 27!ตุลาคม 2565? ด้วยจุดมุ่งหมายให้ดำเนินการทางคดีอาญาและทางวินัยกับข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์หันประดิษฐ์ ด้วยเหตุดังกล่าว ตำรวจภูธรภาค 2 มีคำสั่งที่ 2884 /2565 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2565 เรื่อง แต่งตั้งตั้งตั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้านแรง


โดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา ตามคำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 2 ที่ 276 /2565 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ด้วยเหตุที่ถูกดำเนินสอบสวนทางวินัยและทางคดีอาญา เป็นมูลเหตุเดียวกันกับข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ ซึ่งได้ต่อสู้แนวทางเดิมมาโดยตลอด คณะกรรมการสอบสวนวินัยได้ยึดถือหลักปฏิบัติตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนและพิจารณา พ.ศ.2547 โดยเคร่งครัด เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าพันตำรวจเอก กรวัฒน์ นำพยานหลักฐานโดยได้ยื่นขอชี้แจงข้อกล่าวหาทั้งสิ้น ฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566(สิ่งที่ส่งมาด้วย 3) และนำพยานบุคคลให้คณะกรรมการสอบสวนวินัย สอบสวนปากคำพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาอย่างเต็มที่และครบถ้วนทุกปากตามประเด็นสำคัญทางคดี เมื่อดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสอบสวนและพิจารณา พ.ศ.2547 เสร็จสิ้นแล้ว คณะกรรมการมีมติว่า “การรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเท่าที่รวบรวมได้ ยังมีความสงสัยตามสมควรและน้ำหนักไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหา กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุกระทำผิดอาญา” จึงเห็นควร ยุติเรื่อง แต่ด้วยเหตุที่ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ ได้รับคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่ง รอง รองผู้บับการ อำนวยการตำรวจภูธรภาค ๔ ต่อมา ตำรวจภูธรภาค 2.ได้มีหนังสือส่งสำนวนการสอบสวนวินัยไปยัง ตำรวจภูธรภาค 8 ตามหนังสือที่ 0017.11/ 7/๗๓๔๙ ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๖ เมื่อตำรวจภูธรภาค 4ได้รับสำนวนการสอบสวนวินัยแล้วได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสอบสวนวินัยร้ายแรง เพื่อเข้าตรวจสอบสำนวนดังกล่าวจนเสร็จสิ้น และมีคำสั่งตำรวจภูธรภาค ๔ ที่ 16612566 เรื่อง ให้ยุติวินัยอย่างร้ายแรง เป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 (3,) และมาตรา ๑๑๙ แห่งพงพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ 119 พ.ศ.2565 ให้ยุติวินัยอย่างร้ายแรง พันตำรวจ เอกกรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ตามนัยคำสั่งตำรวตำรวจภูธรภาค ๔ ถือเป็นพยานหลักฐานที่ปรากฏขึ้นมาใหม่

ต่อมาข้าพเจ้าพันตำรวจเอก กรวัฒน์ ได้บันทึกยืนพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฉบับ ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2566 เรื่อง ยื่นพยานหลักฐานอันเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นใหม่ เพื่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการพิจารณาไปตามอำนาจหน้าที่ จากนั้น ตำรวจภูธรภาค ๔ มีหนังสือที่ 00199.ดดด6/1425257 ลง วันที่ 7 ธันวาคม 2566 รายงานการดำเนินการทางวินัย พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ (นอกราชการ) คณะอนุกรรมการ ก.ตร. เกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย ซึ่งได้รับมอบหมาย1/2566 ทำการแทน ก.ตร. อย่างเด็ดาด ได้พิจารณารายงานการดำเนินการทางวินัย แล้วเห็นว่า ตามคำสั่ง ตำรวจฤฏธรภาค 4 ที่ 1662/2566 ลงวันที่ 7ธันวาคม 2566 ให้ยุติเรื่อง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นชอบแล้วนั้น เหมาะสมแล้ว จึงมีมติรับทราบ

รายงานการดำเนินการทางวินัยของ พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ โดย ตำรวจภูธธรภาค 4 ได้มีหนังสือ ที่ ตช.0019.116.2047 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 แจ้งผลการดำเนินการทางวินัยให้ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ทราบแล้ว (สิ่งที่ส่งมาด้วย 4 )2.ด้วยข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามบันทึกขอความเป็นธรรม ของ พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ฉบับลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565?ขอความเป็นธรรมกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา และให้สอบสวนพยานไว้ล่วงหน้าเพื่อประกอบการดำเนินคดีที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ป.ช. ซึ่งนำเรียนถึงผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวังหวัดชลบุรี ตาม ข้อ 8 การแจ้งข้อกล่าวหาของคณะกรรมการสอบสวน….และมีการรายงานผลการสืบสวนในเรื่องที่เกี่ยวข้องมายัง ตำรวจภูธรภาค 2 ฉบังลงวันที่ 25 ตุลาคม 2565 และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับข้าพเจ้าในวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาที่กระชั้นชิดมาก ซึ่งขาดการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อันอาจเป็นผลมาจากการปกปิดหรือการเกิดการแทรกแชงการทำงานของคณะพนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 2 โดยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่อาจได้รับ


ข้อมูลอันถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง การกระทำดังกล่าวไม่เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้ทราบข้อเท็จจริงและชี้แจงข้อเท็จจริงตลอดจนพยานหลักฐานที่เกิดเหตุ ในส่วนของข้าพเจ้าที่เพียงพอต่อการต่อสู้คดีตามความมุ่งหมายตามมาตรา 134 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาถือว่าเป็นการกระทำทีมิชอบด้วยกฎหมายอย่างยิ่ง อีกทั้งเร่งรัดทำการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเพื่อมุ่งหมายหรือมุ่งประสงค์ในการใด หรือเพื่อกลั่นแกล้งให้ข้าพเจ้า ต้องได้รับโทษทางอาญาเป็นการเฉพาะ ข้าพเจ้าใคร่ขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนปากคำที่เกี่ยวข้องในสำนวนดังกล่าว , ข้อ 10..ขอความอนุเคราะห์ให้คณะกรรม ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะพนักงานสอบสวนว่าได้กระทำไปตามระเบียบ แบบแผน ข้อบังคับ และ กฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่… , ข้อ 12 หากตรวจสอบบันทึกถ้อยคำพยาน….พันตำรวจเอก เขมรินทร์ พิศมัย , พันตำรวจเอก กุลชาต กุลชัย และ พันตำรวจโท ธัชญ์ศักญ์ศักดิ์ จีรัฐติกลชัย ซึ่งความเป็นจริง พันตำรวจเอก เชมรินทร์ , พันตำรวจเอก กุลชาต และ พันตำรวจโท ธัชญ์ศักดิ์ ไม่ไม่ได้อยู่ในขณะที่ทำการสืบสวนถ้อยคำพยาพยานแต่อย่างใด แต่ กลับปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ลงลายมือชื่อยืนยันข้อเท็จจริงตามบันทึกการสืบสวนว่าตนได้กระทำขึ้น หรือกระ ขึ้นต่อหน้าตนอันเป็นเท็จเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้รับความเสียหาย บันทึกถ้อยคำอันเป็นพยานนั้นจึงเป็นการมิชอบ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ด้วย ซึ่งข้อความ ข้อเท็จจริงข้างต้น หรือข้อมูลข้างต้น ล้วนเป็นคำกล่าวหา มุ่งประสงค์กล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐ สังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งปฏิบัติหน้ติหน้ที่คุณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธธรภาค 2 ที่ 276/2565 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2565 กระทำความผิดติดติดต่อ ตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม อันอยู่ในอำนาจของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ.2561 และพันตำรวจเอก กรวัฒน์ ได้เข้าพบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดชลบรี เพื่อให้ถ้อยคำเพิ่มเติม ยืนยันและมุ่งประสงค์กล่าวหา ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามหนังสือของ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชลบุรี ลับ ด่วนที่สุด ที่ ปช 0040 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565

ซึ่งประเด็นนี้ทราบว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการดำเนินการข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษดิษฐ์ รับราชการตำรวจมาเป็นระระยะเวลานานเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ ดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคังคับการ ชั้นยศพันตำรวจเอกพิเศษ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ความไว้ใจ มีผลงานทางด้านการสืบสวนเป็นที่ประจักษ์ ขณะดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับการ ตำร ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในฐานเจ้าพนักงานตำรวจ และยังมีอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบตามคำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ที่ 430-431 /2565 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2565 โดยงานที่ได้รับมอบหมายคืองานสืบสวน ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาในส่วนของฝ่ายสืบสวนของตำรวจฎธรจังหวัดชลบรี (มอบหมายแทน) กรณีเกิดเหตุในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา(มูลเหตุ) ข้าพเจ้า พันตำรวจ กรวัฒน์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน ตามนัยคำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ที่ 44848/2565ด้วยการเข้าทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อมุ่งประสงค์ติดตาม จับกุมผักระทำความผิดมาดำเนินคดีนั้น กระทำการในรูปคณะทำงาน เมื่อคดีปรากฏตามสื่อออออนไลน์ประชาชนให้ ความสนใจ ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ามากำกับ ติดตามคดีด้วยตนเอง

จึงปรากฎข้อเท็จจริงว่า พันตำรวจเอก เขมรินทร์ พิศมัย ผู้กำกับการ ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราด พร้อมกับพวกต่างสังกัด เข้าการสืบสวนโดยอ้างคำสั่ง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ซึ่งไม่มีอำนาจมอบหมายหรือสั่งการแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าทำการสืบสวนหรือ ติดตามคดีแทนได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจหน้าที่นั้น โดยกระทำการสอบสวบสวนปากคำพยานบุคคล จำนวนหลายปาก รวบรวมรายงานอันเป็นเป็นเท็จลักษณะกำหนดผลการสืบสวนสอบสวนและระบุว่าข้าข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ เป็นผักระทำ ความผิด อันเป็นการกำหนดตัวผู้กระทำความผิดไว้ก่อนการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น มุ่งประสงค์แกลังให้ ข้าพเจ้าต้องรับโทษ หรือรับโทษหนักขึ้นการกระทำการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งของ ตำรวจภูธรภาค 2 ได้นำเอาเพียงรายงานการสืบสวนสวนฉบับดังกล่าว ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับข้าพเจ้าพันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ โดยไม่มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ครบถ้วนเพียงพอต่อต่อการแจ้ง ข้อกล่าวหา โดยห้วงระยะเวลาเสนอรายงานสืบสวนนั้น มีสองฉบับ ฉบับวันที่ 25 ตุลาคม 2565 และฉบับวันที่ 27 ตุลาคม 2565 แล้วในวันที่ 29 ตุลาคม 2565ก็ได้ให้ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ เข้าพบคณะพนักงาน สอบสวนเพื่อแจ้งกล่าวหา โดยที่ข้าพเจ้าไม่รู้มาก่อนว่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด และในวันต่อมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2565 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้นำเอาข้อมูลหรืลหรือผลงาน ว่าได้แจ้งข้อกล่าวหากับรองผู้บังคับการแล้ว เสนอข่าวหรือแถลงข่าวต่อสื่อสารมวลชน ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ทั้งที่ มาตรา 61 วรรคแรก แห่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2565 บัญญัติให้กระทำการเช่นไร อย่างไร รวมทั้งระบบการดำเนินการสอบสวนการกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็บัญญัติไว้ชัดแจ้ง ด้วยเหตุแห่งการกระทำ หรือถูกกลันแกล้ง รวมถึงการบังคับบัญชาในสายงานของข้าราชการตำรวจ

ข้าพเจ้าจึงต้องการที่จะต่อสู้เพื่อมุ่งพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตนเอง และครอบครัว ตลอดจนทำความจริงให้ปรากฎต่อสังคมและประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้นข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ จึงได้ยื่นขออนุนุญาตลาออกจากราชการ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 4 ได้มีคำสั่งที่ 196/2565 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เรื่อง อนุญาตให้ข้าราชการตำรวจลาออกจากราชการ (สิ่งที่ส่งมาด้วย 6 ) เพื่อเป็นการบรรเทาเหตุอันเป็นการกระทบสิทธิอันที่

พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อันควรพึ่งมีพึ่งได้ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงทางการสอบสวน การไต่สวนคดี จึงใคร่ประสงค์ขอทราบ และเร่งรัดการดำเนินการของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังนี้

(1) ตามสำนวนการสอบสวนคดีอาญาของ คณะพนักงานสอบสวน ตำรวจภูธรภาค ซึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 2 อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรามนุญ ว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตเห่งชาติ พ.ศ.2561 นั้น ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนใด อย่างไร ขอเร่งรัดดำเนินการเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือนร้อนของข้าพเจ้า ผู้ถูกล่าวหา

(2) ตามที่ข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ได้ยื่นคำร้อง คำกล่าวหา เจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่คณะพนักงางานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 ที่ 276/2565 ลงวันที่ ๒๕๖๕ กระทำความผิดต่ดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน่งหน้าที่ใน การยติธรรม อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องไว้ดำเนินการตาม ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ.2561 นั้น ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วหรือไม่ และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนใด อย่างไร ขอเร่งรัดดำเนินการ เพื่อ เป็นการบรรเทาความเดือนร้อนของขาพเจ้า ผู้ถูกล่าวหาข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่รับราชการมานั้นปฏิบัติราชการด้วยความวิริยะ อุตสาหะ อำนวยความยุติธรรมไปตามอำนาจหน้าที่ ที่กฎหมายกำหนด ในการร้องขอความเป็นธรรม เร่งรัด ตรวจสอบ ด้วยเหตุข้าพเจ้า พันตำรวจเอก กรวัฒน์ รู้สึกว่ามิได้รับความเป็นธรรมจึงขอให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบได้ใช้อำนาจตรวจสอบเพื่ออำนวยความยุติธรรรม และทำความจริงให้ปรากฏให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ต่อไป ”หนังสือดังกล่าว ระบุ