ตร.ไซเบอร์รวบหนุ่มจีน – สาวไทย หลอกลงทุนคริปโท เสียหายกว่า 30 ล้าน

270

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมคณะ แถลงผลปฏิบัติการ EXIT SCAM จับกุมหนุ่มจีน วัย 34 ปี และสาวไทย วัย 21 ปี มีพฤติการณ์กินหรูอยู่สบาย แต่เอี่ยวฟอกเงินในขบวนการหลอกลงทุนคริปโต รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำที่ห้องพนักงานสอบสวนตำรวจไซเบอร์ ซึ่ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ สอบปากคำด้วยตนเอง

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ของตำรวจว่า ถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงินเพื่อลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล โดยมีบุคคลใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีติดต่อมาทางสังคมออนไลน์และชักชวนให้ลงทุนผ่านเว็บไซต์หนึ่ง อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูง ซึ่งคนร้ายได้ชักจูงผู้เสียหายด้วยการให้ผลกำไรจริงในการลงทุนช่วงแรก แต่หลังจากนั้นเมื่อลงทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินกว่า 2 ล้านบาท

จากการรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวน สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 2 ราย เป็นชายจีน 1 รายและหญิงไทย 1 ราย ซึ่งพบว่าทั้งสองคนนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงทางออนไลน์อื่น ๆ ในลักษณะแผนประทุษกรรมจากเว็บไซต์เดียวกันอีก 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยฝ่ายหญิงมีอาชีพขายสินค้าย่านประตูน้ำ ส่วนฝ่ายชายชาวจีนซึ่งมีภรรยาและครอบครัวอยู่แล้ว ได้มาพบรักกับหญิงชาวไทยรายนี้จนถึงขนาดให้ฝ่ายหญิงเปิดบัญชีคริปโทให้ชายชาวจีนใช้และร่วมกันเปิดร้านขายรองเท้าในย่านเยาวราช จากการตรวจสอบพบว่า ผลประกอบการร้านรองเท้าของทั้งคู่ไม่ค่อยดีนัก แต่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ขับรถหรู ใช้สินค้าแบรนด์เนม และสะสมตุ๊กตา Bearbrick 30 ตัว

ต่อมาวันที่ 22 ก.พ. ตำรวจไซเบอร์ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด เป็นคอนโดในเขตยานนาวา 2 จุด คอนโดในเขตคลองสาน 1 จุด ร้านขายรองเท้าย่านเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ 1 จุด และบ้านพักหลังหนึ่งใน ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

โดยการตรวจค้นครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 2 ราย ได้แก่ นายเชา สัญชาติจีน อายุ 34 ปี และ น.ส.นริศรา สัญชาติไทย อายุ 21 ปี โดยจับได้ที่คอนโดย่านยานนาวา พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น มีพฤติการณ์เป็นกลุ่มผู้บริหารจัดการเงินของแก๊งสแกมเมอร์และเชื่อว่าเป็นผู้ฟอกเงินในขบวนการดังกล่าว รวมทั้งยังพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาทั้งสอง มีข้อมูลสลิปโอนเงินกว่า 5,000 รายการในเวลาไม่ถึงปี ยอดการโอนแต่ละครั้งตั้งแต่ 1 – 5 แสนบาท คาดว่าขบวนการดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 2 รายในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์, สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน, และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อไปว่า คดีนี้มีลักษณะแผนประทุษกรรมเป็น Hybrid Scam เพื่อทักผ่านโซเชียลมีเดียหลอกลวงผู้เสียหายให้มีความสัมพันธ์และหลงเชื่อ ก่อนชักชวนลงทุนผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บลงทุนปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นมา โดยผู้ต้องหาทั้งสองนี้เชื่อว่า เป็นหนึ่งในขบวนการของเว็บไซต์ดังกล่าว เพราะนอกจากจะพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ดังกล่าวถึง 28 คดีแล้ว ยังพบเส้นเงินหลายเส้นที่เชื่อมโยงกับเว็บดังกล่าว

จากการตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ในกรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรสาคร ได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง หลายรายการ ทั้งตุ๊กตา Bearbrick จำนวน 30 ตัว, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง, รถยนต์หรู ยี่ห้อ BMW รุ่น X-1 จำนวน 1 คัน, รถยนต์ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Alphard จำนวน 1 คัน, โฉนดคอนโด จำนวน 1 ฉบับ และเสื้อผ้า เครื่องประดับแบรนด์เนมหลายรายการ รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้กว่า 20 ล้านบาท