ขอสาปแช่ง”นักการเมือง-ขรก.”บริหารเงินประกันสังคมไม่โปร่งใส ขอให้พบความวิบัติทั้งตระกูล

883


        เชื่อว่าผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศที่จ่ายเงินเข้าประกันสังคมหรือเรียกกันว่าผู้ประกันตน รู้สึกขอบคุณ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ออกมาจุดประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ทำให้ผู้ประกันตนได้รับรู้ว่าเงินที่มาจากหยาดเหงื่อและแรงงานนั้นถูกใช้แบบไม่คุ้มค่าหรือสูงเกินความเป็นจริง

        ซึ่ง น.ส.รักชนกได้นำเสนอข้อมูลการใช้งบประมาณพร้อมกับตั้งข้อสังเกตในหลากหลายประเด็น อาทิ ประเด็น เทคโนโลยีสารสนเทศโครงการพัฒนา แอพพลิเคชั่นSSO+งบประมาณ 276 ล้านบาท เป็นงบฯที่รวมถึงการจัดทำระบบเมื่อตรวจสอบข้อมูลจากACTAIพบว่าจัดซื้อจัดจ้างมีความผิดปกติในการเสนอราคาตัวแอพประชาชนให้เรทติ้ง 1.5 แสดงถึงความล้มเหลวของแพลตฟอร์มไม่คุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ใช้ ทุกวันนี้ยังสแกนจ่ายค่าประกันสังคมผ่านแอพไม่ได้ ต้องจ่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ

  หรือโครงการจัดพิมพ์ปฏิทินของประกันสังคม ปี 2567 ใช้งบประมาณ 55 ล้านบาทและงบประมาณในการจัดพิมพ์ปฏิทินย้อนหลังไม่น้อยว่า 450 ล้านบาท บางปีใช้จัดจ้างวิธีพิเศษ(จ้างผ่านหน่วยรัฐ)ใช้งบประมาณ 75.9 ล้านบาท และปี 2560ใช้วิธีกรณีพิเศษ ใช้งบประมาณ 76 ล้านบาท ทั้งสองปีอยู่ในช่วงที่รัฐบาลเผด็จการทหาร ซึ่งผู้ประกันตนจำนวนมากบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็น มีด้วยหรือ ไม่เคยได้รับเลย จากการนำเสนอข้อมูลของ น.ส.รักชนก ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งนักวิชาการและผู้เอาประกันตนในเชิงลบต่อสปส.และกระทรวงแรงงาน
  กระทั่ง นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน อดีตเลขาธิการ สปส. ตอบโต้ว่า”การเมืองไม่ควรเข้ามายุ่งในบอร์ดประกันสังคม ซึ่งดูแลสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนกว่า 24 ล้านคนเพราะจะถูกมองว่าหวังผลทางการเมืองจากผู้ประกันตน ถ้าการเมืองเข้ามาได้ ต่อไปการดำเนินงานของประกันสังคมจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่การเมืองกำหนด” 

      จากประเด็นดังกล่าวผู้ประกันตนต่างตั้งคำถามผ่านสื่อโซเชียลจำนวนมากว่าถ้าบริหารจัดการโปร่งใส ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ไม่ต้องหวั่นเกรงกับฝ่ายการเมือง และข้อมูลที่น.ส.รักชนกนำเสนอในทำนองตั้งข้อสังเกตการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่าและผู้บริหารกระทรวงแรงงานเกิดอาการไม่พอใจ พออนุมานได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกหมกเม็ดมานาน ซึ่งอดีตที่ผ่านมามีเสียงนินทาหลายกระแสว่ากระทรวงแรงงานเปรียบเสมือนแดนสนธยา การใช้จ่ายเงินจากกองทุนประกันสังคม เป็นการเอื้อกันระหว่างรัฐมนตรี บอร์ดประกันสังคม ปลัดกระทรวงฯและเลขา สปส.

      กระแสแรกเกี่ยวกับงบประชาสัมพันธ์ แต่ละปีนับร้อยล้านบาท หากบริษัทใดหรือสื่อทีวี วิทยุและหนังสือพิมพ์ ต้องการที่จะนำเสนอโครงการเพื่อทำประชาสัมพันธ์ จะต้องผ่านคนบางกลุ่มใกล้ชิดรัฐมนตรีหรือปลัดกระทรวงแรงงาน จึงจะได้งานแถมต้องจ่ายค่าหัวคิวอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ คนกลุ่มนี้ดำรงตนอยู่ในกระทรวงแรงงานมายาวนาน เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือจะต่อสายขอเคลียร์กับผู้มีอำนาจเสนอผลประโยชน์ให้ ปัจจุบันนี้คนกลุ่มนี้ยังวนเวียนอยู่ในกระทรวงแรงงาน

     กระแสที่สอง ช่วงที่กองทุนประกันสังคมกำลังเติบโต เครือข่ายรัฐมนตรี เคลื่อนไหวจัดตั้งโรงพยาบาลเล็กๆ ด้วยการเช่าตึกแถว4-5 ห้องปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลเปิดรับผู้เอาประกันตน เปิดเยอะสุดจะอยู่แถวถนนบางนา-ตราด พื้นที่จ.สมุทรปราการ หลายโรงพยาบาลไม่มีความพร้อม จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเครือข่าย แต่บางแห่งเปิดเพื่อรับผู้ประกันตนเท่านั้น การรักษาไม่ได้มีอยู่จริง โดยมีรัฐมนตรีคอยเป็นแบ๊ค

   กระแสที่สาม มีอดีตข้าราชการอยากนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรี หลังพ้นอำนาจเกิดข่าวสะพัดว่าต้องจ่ายเงินให้หัวหน้าพรรคสูงถึง 60-100  ล้านบาทแลกกับตำแหน่ง เมื่อนั่งบริหารได้สั่งการให้ข้าราชการระดับสูงหาช่องทางซิกแซกนำเงินจากกองทุนประกันสังคมไปจ่ายให้ 

        ทั้งสามกระแสล้วนแต่เป็นเสียงนินทาที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่คาใจของผู้ที่รับรู้ข่าวสารนี้มาโดยตลอดและไม่ค่อยเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะคงไม่มีใครกล้าที่จะผลาญเงินกองทุนประกันสังคมที่มาจากหยาดเหงื่อของผู้ใช้แรงงาน แต่พอเจอข้อมูลของน.ส.รักชนบวกกับอาการฉุนเฉียวของบิ๊กในกระทรวงแรงงาน ทำให้อดเชื่อได้ว่าทั้ง 3 กระแสน่าจะเกิดขึ้นจริง

           ซึ่งผู้ประกันตนอย่างพวกเราคงทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะช่วยกันสาปแช่งบรรดานักการเมืองและบิ๊กข้าราชการ ที่ใช้จ่ายเงินจากกองทุนฯที่พวกเราช่วยกันจ่ายส่อไปในทางทุจริตให้พบกับความวิบัติทั้งตระกูล ซึ่งเชื่อว่าคำสาปแช่งนี้จะคงความขลังเพราะเงินที่พวกเราช่วยกันจ่ายล้วนเป็นเงินที่ได้มาอย่างสุจริต !!!