
วันนี้ (21 ก.พ.) พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสบชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 และ พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจภูธร สภ.บางสะพาน เข้าจับกุมตัว นายปิยะพงษ์ หรือ “หนึ่ง บางสะพาน” อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ประจวบคีรีขันธ์ เลขที่ จ.238/2567 ลงวันที่ 24 ธ.ค.67 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน โดยจับกุมตัวได้หน้าบ้านเช่าเลขที่ 59/8 หมู่ 4 ตำบลศาลาลัย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงตี 1 วันที่ 21 ธันวาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้ง เหตุใช้อาวุธปืนยิงกัน บริเวณถนนสะพานข้ามทางรถไฟเขาสีเสียด หมู่ 6 ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดินทางไปถึงพบรถจักรยานยนต์ Yamaha รุ่น m-slaz สีน้ำเงินขาว ทะเบียน 1 กฌ 5161 ประจวบคีรีขันธ์ พลิกคว่ำอยู่ 1 คัน ข้างกันพบศพผู้ขับขี่ ชื่อ นายรุ่งฤทัย หรือเอ๋ หมื่นราม อายุ 46 ปี ถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะจำนวน 2 นัด และลำตัวอีก 3 นัด รวมทั้งสิ้นเป็น 5 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และหัวกระสุนปืนขนาดเดียวกัน กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้น

จากแนวทางการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายปิยะพงษ์ หรือ “หนึ่ง บางสะพาน” ผู้ต้องหาซึ่งมีประวัติ พัวพันกับยาเสพติดในพื้นที่ สภ.บางสะพาน สภ.บ้านมาบอำมฤต และ สภ.เมืองชุมพร หลายคดี เคยถูกจับกุมดำเนินคดีและถูกออหมายจับติดตามตัวจำนวนหลายครั้ง โดยวันก่อเหตุ นายปิยะพงษ์ ใช้รถกระบะ Toyota รุ่น Revo สีดำ ทะเบียน บม 5819 สุโขทัย เป็นยานพาหนะ หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปกบด่าน ก่อนจะย่ามใจกลับเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่อีกครั้ง กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สอบสวน นายปิยะพงษ์ อ้างว่า คืนวันเกิดเหตุ มีปากเสียงกับผู้ตายเนื่องจาก ถูกขับขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้าจึงใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต แต่ชุดจับกุมไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากแนวทางการสืบสวน พบว่า นายปิยะพงษ์ รู้จักคุ้นเคยกับผู้ตายมาก่อน ประกอบกับ ก่อนลงมือก่อเหตุมาจอดรถดักรอผู้ตาย ซึ่งกำลังขับขี่จักรยานยนต์ผ่านมาจากการไปร่วมงานเลี้ยง อีกทั้ง หลังเกิดเหตุ พบว่าสร้อยทองรูปพรรณ ที่ผู้ตายสวมใส่ ทั้งสร้อยคอและสร้อยข้อมือ น้ำหนักรวม 4 บาท มูลค่ากว่า 180,000 บาท ก็เกิดสูญหายไป คาดว่า ทั้งสองฝ่ายน่าจะมีประเด็นโกรธแค้นกันมากกว่าแค่เรื่องขับรถปาดหน้าบนท้องถนน จึงควบคุมตัว นายปิยะพงษ์ นำส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินการขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมาย

