‘นายกฯแพทองธาร’ ฝากการบ้าน “ผบ.ต่าย” 3 ประการ พัฒนาบุคลากรให้ทันเทคโนโลยี ร่วมมือนานาชาติปราบอาชญากรข้ามชาติ เอาผิดตำรวจนอกรีต ร่วมขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ว่า ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ที่ได้มาบรรยายพิเศษให้แก่พี่น้องข้าราชการตำรวจทุกท่าน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทาง และยกระดับการบังคับใช้กฎหมายของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยทุกวันนี้ เผชิญกับสถานการณ์ความท้าทายใหม่ๆ ทั้งในด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะอาชญากรรมทุกรูปแบบอื่นที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
การสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกท่าน ได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อวางกลยุทธ์และปรับรูปแบบการทำงาน ให้สามารถรับมือและปราบปรามอาชญากรรมรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของยาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์
มาตรการขั้นเด็ดขาดของรัฐบาลล่าสุด ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้วยการตัดกระแสไฟฟ้าตามแนวชายแดนในบริเวณที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอาชญากรรม พร้อมดำเนินมาตรการ “Seal Stop Safe” ในพื้นที่ 51 อำเภอชายแดน ป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสู่ประเทศไทย ควบคู่ไปกับการป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน
ดิฉันขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า ความตั้งใจในการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนนั้น จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่ในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านการเสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและการข่าวกรอง รวมไปถึงการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์จำเป็นที่ต้องใช้ในการปฏิบัติภารกิจค่ะ
โอกาสนี้ ดิฉันขอฝากประเด็นที่อยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมค่ะ
#ประการแรก เรื่องการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เชี่ยวชาญ และรู้เท่าทันการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่อาชญากรใช้เป็นช่องทางหลอกลวงพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการผลักดันการแก้ไขกฎหมาย หรือออกมาตรการที่จะช่วยให้การปราบปรามอาชญากรทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การยึดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดที่ถูกแปลงเป็นเงินสกุลดิจิทัล หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ
#ประการที่สอง การแสวงหาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และองค์กรทั้งในระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค เนื่องจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและยาเสพติด มักเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน เราจึงต้องมีการทำงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และฝึกอบรมบุคลากรร่วมกัน นอกจากนี้ การใช้ช่องทางตำรวจสากล ไม่ว่าจะเป็น Interpol Europol และ ASEANAPOL ในการประสานและส่งต่อข้อมูลผู้กระทำผิด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการปราบปรามอาชญากรรมได้ค่ะ
#ประการสุดท้าย ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินมาตรการทางวินัย และทางกฎหมายแก่ข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมอย่างเคร่งครัดและเข้มงวดโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่ผู้ปฏิบัติงาน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทุกท่านล้วนเป็นกลไกสำคัญในการนำนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยาเสพติด รวมไปถึงอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์เพื่อหาคนไปทำงานให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์
“ดิฉันเชื่อมั่นว่าความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ทุกท่านมีมาอย่างยาวนาน จะช่วยรัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง และผลลัพธ์ที่เกิดจากความตั้งใจทำงานของทุกท่านนั้น จะทำให้พ่อแม่พี่น้อง สมาชิกในครอบครัว เพื่อน และคนที่เรารักทุกคนได้อยู่ในสังคมที่ปลอดภัย มีหลักประกันในชีวิตที่มั่นคง ปลอดภัยจากการเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทุกรูปแบบค่ะ“
คลิกอ่าน FB นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร
