“เมื่อพูดถึงการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)หรือองค์กรปราบโกง ไม่ว่าจะเป็นส่วนสืบสวนสอบสวน อนุกรรมการไต่สวนฯชุดต่างๆ รวมถึง ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เกิดอาการเบื่อหน่าย ไร้ซึ่งความคาดหวังที่จะได้เห็นพวกโกงชาติโกงแผ่นดินเดินคอตกเข้าคุก“

หากย้อนดูตั้งแต่สมัยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลากรถถังออกมายึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวหาว่าทุจริตคอรัปชั่น เป็นเงื่อนไขสำคัญของการก่อรัฐประหาร
ห้วงเวลานั้นประชาชนทั้งประเทศต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นรัฐบาลเผด็จการทหารภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ลากคนโกงเข้าคุก แต่เกิดอาการสิ้นหวังเพราะจัดการกับพวกทุจริตเป็นไปในทำนองเลือกปฏิบัติ เลือกจัดการกับฝ่ายตรงข้ามแต่มองข้ามฝ่ายเดียวกัน
ยิ่งปรากฏชัดมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการตั้งพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตเลขาธิการ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยุครัฐบาลคสช. เป็นประธาน ป.ป.ช. ห้วงเวลานั้นมีเสียงครหาว่าตั้งมาเพื่อพิจารณาคดีที่ พล.อ.ประวิตร แจ้งทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ ประเด็นนาฬิกาหรูหลายสิบเรือนและแหวนเพชรที่สวมใส่ระหว่างถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรี(ครม.)หน้าทำเนียบรัฐบาล ผลวินิจฉัยออกมาว่าไม่มีความผิดเพราะนาฬิกายืมเพื่อนและแหวนแม่ให้มา
กลายเป็นประเด็นสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงขั้น ฟ้องศาลปกครองกลางให้ ป.ป.ช.เปิดเผยสอบแบบไหนถึงเอาผิดไม่ได้เปิดเผยคำให้การของ พล.อ.ประวิตร 4 ครั้ง ให้เปิดเผยคำวินิจฉัยและคำไต่สวนของ ป.ป.ช.เป็นอย่างไรให้ประชาชนรู้ โดยศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด แต่ดูเหมือน ป.ป.ช.จะอิดออด เปิดบ้างปิดบ้าง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ป.ป.ช.กลายเป็นองค์กรที่ประชาชนรู้สึกคาใจถึงการทำงานมากที่สุด และทุกวันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ป.ป.ช.จะจัดงานพร้อมเชิญชวนข้าราชการและหน่วยงานต่างๆรวมถึงรัฐบาลร่วมงานพร้อมทำสัญลักษณ์ต่อต้านคอร์รัปชั่นและปฏิญาณตนว่าไม่โกง จนมีการเสียดสีว่า 9 ธันวาคมไม่โกงวันเดียว
นอกจากชาวบ้านคลางแคลงใจประเด็นแต่งตั้งประธาน ป.ป.ช.แล้ว แม้แต่การแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อแทนคนที่หมดวาระยิ่งเกิดข้อกังขาหนัก เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ออกมาแฉว่าได้ช่วยผู้สมัคร ป.ป.ช.บางคนให้ผ่านการคัดเลือก โดยขอให้อดีตรองนายกรัฐมนตรีประสานกับวุฒิสมาชิกไฟเขียวนั่งกรรมการ ป.ป.ช. ส่งผลให้เครดิตของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ติดลบอย่างหนัก
ที่สำคัญคดีที่มีระดับหัวๆในรัฐบาลหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ถ้าไม่ถูกเก็บซุกไว้ในลิ้นชักจนสังคมลืมเลือน หรือถ้าถูกอนุกรรมการไต่สวนฯนำขึ้นมาพิจารณาพวกปลาใหญ่จะรอดปลาซิวปลาสร้อยจะถูกเชือด แต่ถ้าระดับตัวเป้งๆไม่ใช่พวกจะถูกเชือดพร้อมปลาซิวปลาสร้อย ซึ่งอดีต ผบ.ตร.บางคนอยู่ในสมการนี้แล้ว
หรือคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ที่มีอดีตพลสีกากี และลูกน้องถูกกล่าวหา เกิดกระแสข่าวว่าตำรวจบางคนรอด จนพนักงานสอบสวนต้องนำหลักฐานเก่าที่ถูกอนุกรรมการฯเมิน มาให้ยื่นป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา พร้อมกับให้ความเห็นว่ามีข่าวลือว่า ป.ป.ช.พิจารณาหลักฐานฝั่งผู้กล่าวหาหรือฝั่งตำรวจเพียงบางส่วนและข่าวว่าตำรวจบางนายไม่มีความผิด ทำให้กังวลและสงสัยถึงมาตรการชี้มูลของ ป.ป.ช. จึงไม่สบายใจและเกรงว่าพนักงานสอบสวนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงนำหลักฐานเก่ามายื่นถึงขนาดคนใน ป.ป.ช. เองทนพฤติกรรมไม่ใหว ออกมาแฉ ว่าพบข้อพิรุธ บ่ายเบี่ยงรับพยานหลักฐาน จากพนักงานสอบสวน งุบงิบ ลักไล่ สอดใว้ แบบถูกตั้งข้อสังเกตุว่านะจะไม่โปร่งใสยุติธรรม
พฤติกรรมดังกล่าวเลือกข้าง สะท้อนได้ว่าไม่โปร่งใส แม้แต่ตำรวจเป็นพนักงานสอบสวนยังรู้สึกเคลือบแคลงว่าเลือกปฏิบัติ ครั้นมองถึงคดีทุจริตที่บรรดาตัวใหญ่ทางการเมือง อดีต ผบ.ตร. อดีตนายพลสีกากี อดีตนายหทาร และอดีตข้าราชการตัวใหญ่ๆ ที่ถูกร้องในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลายคดียังถูกเก็บซุกแบบไร้ความเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นคดีทุจริตถุงมือยาง คดีจัดซื้อจัดจ้างวัคซีนโควิด จัดซื้อชุดตรวจโควิดและจัดซื้อหน้ากากอนามัย เป็นต้น ยิ่งคลางแคลงใจหนัก
เมื่อเจอข่าวบางกระแสกระพือว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่อยากให้คดีถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว หรือช่วยทำสำนวนให้อ่อนเพื่อไม่ให้ถูกชี้มูลความผิด สามารถวิ่งเต้นจ่ายปัจจัยให้เจ้าหน้าที่บางคนบางกลุ่มได้ และปัจจัยเหล่านี้จะจัดส่งเป็นทอดๆถึงระดับบนลงล่าง รวมถึงอนุกรรมการฯไต่สวนบางชุด ทำให้รู้สึกสิ้นหวังหนัก
จากบริบทที่ยกมาจัดว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่รอคอยให้ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่แก้ เพื่อฟื้นศรัทธาจากประชาชน ถ้าจะให้เห็นผลเร็วและไม่ถูกมองว่าเลือกปฏิบัติ คดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ จะเป็นตัวช่วยอย่างดี ถ้าผู้ถูกกล่าวหาโดนชี้มูลความผิดทุกคน !!!
