หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมศาลอาญาใต้ ยกฟ้อง“ตู้ห่าว”คดีอาชญากรรมข้ามชาติ-ฟอกเงิน ชี้หลักฐานโจทก์ขาดน้ำหนัก

ศาลอาญาใต้ ยกฟ้อง“ตู้ห่าว”คดีอาชญากรรมข้ามชาติ-ฟอกเงิน ชี้หลักฐานโจทก์ขาดน้ำหนัก

ศาลอาญากรุงเทพใต้ ยกฟ้อง“ตู้ห่าว-อดีตภรรยาตำรวจหญิง” และพวกรวม 19 คน คดีอาชญากรข้ามชาติ-ฟอกเงิน ศาลชี้หลักฐานโจทก์ขาดน้ำหนัก- ส่วน 6 คนเจอโทษจำคุก 21-28 ปี คดียาเสพติด-อาวุธปืน

วันนี้ ( 11 ก.พ. 68) ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาคดี 3 สำนวนที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายฮวง ไฮ่ เท่า (HUANG HAITAO) เป็นจำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 2 กับพวกสัญชาติจีน ไทย กัมพูชา และบริษัทนิติบุคคล 5 แห่ง รวมจำเลยทั้งสิ้น 25 คน จาก 3 สำนวนคดี ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 209 ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้โดยวันนี้ โจทก์ จำเลยทุกคน และทนายความ เดินทางมาศาล ซึ่งศาลได้จัดล่ามภาษาจีนไว้รองรับ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นผับจินหลิงซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ในช่วงปี 2565 พบ ชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองกว่า 100 คน ยาเสพติด อาวุธปืน และของกลางต่าง ๆ ตามบัญชีของกลาง ซึ่งคดีนี้ จากการสืบสวนสอบสวน โจทก์อ้างว่าพบความเชื่อมโยงในบัญชีการเงินของผับจินหลิง ซึ่งมีนายตู้ห่าว จำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของ กับสถานบริการในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา คาดว่าเป็นการทำธุรกรรมโอนเงินซื้อขายยาเสพติด อีกทั้งยังมีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับจำเลยทั้งหมด โดยพบว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 5 ให้การรับสารภาพ แต่จำเลยที่เหลือให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่พบพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงของโจทก์ที่ชี้ชัดได้ว่าจำเลยมารวมตัวกันและกระทำการเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือเป็นอั้งยี่ เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน้อย ไม่หนักแน่นเพียงพอ จำเลยทั้งหมดจึงไม่มีความผิดตามฟ้องในข้อหาดังกล่าว สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งมีความผิดมูลฐานจากคดียาเสพติด โดยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักมั่นคงมากพอที่จะทำให้รับฟังได้เนื่องจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในบัญชีธนาคารไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าเงินที่เข้ามาในบัญชีของจำเลยที่เกี่ยวข้อง เป็นเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติดหรือการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มในสถานบริการได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย การกระทำของจำเลยทั้ง 25 ไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน

ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและ พ.ร.บ.อาวุธปืน ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำเลยที่ 1กับ จำเลยที่ 4 มีความผิด รวม 5 กระทง ลงโทษทุกกรรม จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 27 ปี 6 เดือน ปรับ 1,690,000 บาท

ส่วนจำเลย 5 มีความผิด 8 กระทง 5 กระทงแรก เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนกระทงที่ 6-8 เป็นความผิดเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 28 ปี 12 เดือน ปรับ 2,600,000 บาท

ส่วนจำเลยที่ 7, 11 และ 12 พบมีความผิดฐานสนับสนุนและช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด 4 กระทง เบื้องต้นทั้งสามคนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก คนละ 21 ปี 24 เดือน ปรับ 1,766,666.66 บาท ส่วนที่เหลือ 19 คน พิพากษายกฟ้อง

“สุรเชชษฐ์’ ลั่น ไม่ผิดคาด ศาลยกฟ้องคดี ’ตู้ห่าว‘ หลังเคยเตือน พนักงานสอบสวนนครบาล พยานหลักฐานอ่อน เอาผิด ‘ตู้ห่าว‘ ไม่ได้ แต่ไม่มีใครเชื่อ ซ้ำ อดีต ผบ.ตร.กลับสั่งไม่ให้ยุ่งกับคดีนี้

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.

ขณะที่ เพจ The Reporters รายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนทางโทรศัพท์ ภายหลังทราบข่าวที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษายกฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าวกับอดีตภรรยา และพวก ในคดีจินหลิงผับ และคดีฟอกเงิน ว่า คดีนี้ต้องไปถามทาง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสวบสวน ว่า รู้สึกอย่างไร หลังศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากคดีนี้ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น ได้สั่งการ และแต่งตั้ง พล.ต.ท.ธิติ เป็นหัวหน้าชุดแทนตน และตนซึ่งเคยทำคดีมาก่อนในช่วงแรก ได้เตือนพนักงานสอบสวนนครบาลไปแล้วว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวนไม่เพียงพอที่จะเอาผิดตู้ห่าวได้ หากมีพยานหลักฐานเพียงแค่นี้ศาลจะยกฟ้องแน่ แต่ไม่มีใครเชื่อตน เมื่อศาลพิพากษาออกมา ก็เป็นไปตามที่ตนพูดไว้


อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่ได้ต่อว่า พล.ต.ท.ธิติ ไม่ดี แต่ในขณะนั้น พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ สั่งไม่ให้ตนเองเข้าไปยุ่งกับคดีนี้ และให้ พล.ต.ท.ธิติ เป็นผู้ทำคดีไป พร้อมยกตัวอย่างคดีของ น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ และคดีของนายประวีณ จันทร์คล้ายหรือ กำนันนก ที่ตนเป็นรับผิดชอบ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษทั้งหมด

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img