ตำรวจ CIB ทลายขบวนการขายปุ๋ยทิพย์ ปลอมเอกสารราชการ หลอกขอสินเชื่อ ความเสียหายกว่า 80 ล้านบาท

125

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ.รรท.ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี, พ.ต.ท.วิวัฒนชัย คลื่นแก้ว, พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ และ พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ.

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัต,ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์, ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ., ร.ต.อ.บัญชา ช่วยรอดหมด รอง สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.

ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 7 ราย ได้แก่

  1. นายมานพฯ อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 465/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568
  2. น.ส.พนิดาฯ อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 469,471/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568
  3. นายจตุพรฯ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 470,472/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568
  4. นางแววตาฯ อายุ 52 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 473/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568
  5. น.ส.ณัฏฐนันท์ฯ อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 467/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568
  6. น.ส.ญาธิดาฯ อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 466,474/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568
  7. นายคมกริชฯ อายุ 59 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 468/2568 ลงวันที่ 23 ม.ค.2568

ผู้ต้องหาที่ 2,3,4,6 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

ผู้ต้องหาที่ 1,2,3,5,6,7 ความผิดฐาน “ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม,ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

พร้อมตรวจยึด ดังนี้ สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม,เอกสาร 17 ชุด,บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 4 ใบ,โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง
และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง สถานที่จับกุม ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครนายก และ จ.ราชบุรี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมกราคม 2568 ได้มีธนาคารแห่งหนึ่งเข้ามาร้องทุกข์ต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ว่าได้ตรวจพบความผิดปกติของการยื่นเอกสารและหลักฐานประกอบการยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคารเป็นจำนวนมาก โดยใน เบื้องต้นเชื่อว่าอาจมีการใช้เอกสารราชการปลอม นอกจากนี้กลุ่มผู้ยื่นขอสินเชื่อดังกล่าวยังมีอัตราก่อหนี้เสียและขาดการผ่อนชำระเป็นจำนวนมาก


พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ.รรท.ผบก.ปอศ. จึงสั่งการให้ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน และจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดย พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. จึงสั่งการให้สืบสวน จนพบว่ามีกลุ่มนายหน้าและลูกค้าผู้กู้ทำทีสมคบกันจัดตั้งกิจการขึ้น ใช้เอกสารแสดงตนเองว่ามีอาชีพหรือเป็นผู้ประกอบกิจการขายปุ๋ยในการยื่นขอสินเชื่อเหมือนกันทั้งหมด โดยใช้เอกสารใบอนุญาตขายปุ๋ย (อ.ป.1) ของกรมวิชาการเกษตร เป็นเอกสารประกอบการยื่นสินเชื่อ จากนั้นกลุ่มนายหน้าจะส่งเอกสารให้ผู้จัดการธนาคารลงนามอนุมัติสินเชื่อธนาคาร เมื่อธนาคารอนุมัติสินเชื่อแล้ว ลูกค้าผู้กู้จะโอนเงินส่วนแบ่งไปให้กลุ่มนายหน้า จากนั้นกลุ่มนายหน้าจะโอนเงินส่วนแบ่งให้กับผู้จัดการธนาคารดังกล่าว ซึ่งภายหลังจากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบใบอนุญาตขายปุ๋ย (อ.ป.1) กับกรมวิชาการเกษตร โดยพบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม จึงถือว่า การกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนสามารถพิสูจน์ทราบกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดได้ทั้งขบวนการ จากนั้นจึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญา จำนวน 2 จุด, ศาลจังหวัดนครนายก จำนวน 1 จุด และศาลจังหวัดราชบุรี จำนวน 1 จุด ภายหลังจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครนายก และ จ.ราชบุรี และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย การปลอมแปลงเอกสารทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ แก้ไข ประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หากได้กระทำเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้ ผู้ที่ทำเอกสารปลอม มีความผิดฐานทำเอกสารปลอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ พินัยกรรม ใบหุ้น ตั๋วเงิน บัตรเงินฝากต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาจดทะเบียน และพินัยกรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท

สำหรับผู้ที่ใช้เอกสารปลอม กรณีมีการอ้างหรือใช้เอกสารที่ปลอมขึ้นตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับความเสียหายจากการใช้เอกสารปลอม หรือพบเบาะแสว่ามีบุคคลใดรับจ้างทำเอกสารปลอม สามารถแจ้งเบาะแสมายังตำรวจสอบสวนกลางได้

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์