ผบ.ตร.กำชับทุกหน่วยเตรียมแต่งตั้ง รอง ผบก.-สว.วาระปี67 ย้ำชัดยึดกฎหมาย – กฎ ก.ตร.

426

ผบ.ตร.กำชับทุกหน่วยเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งระดับ รอง ผบก.ลงมา วาระประจำปี 2567 ย้ำชัดต้องปฏิบัติตามกฎหมาย-กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ อย่างเคร่งครัด ขู่ฟันวินัยร้ายแรง ผบช.ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม

วันนี้ (26 ม.ค.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีบันทึกข้อความ ลงวันที่ 24 มกราคม 2567 เรื่อง กำชับและเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งตั้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมา วาระประจำปี 2567 ถึง ผบช. จตร.(หน.จต.) หรือตำแหน่งเทียบเท่าผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า

ใจความว่าด้วยขณะนี้ใกล้เข้าสู่ห้วงระยะเวลาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งระดับ
รอง ผบก. ลงมา วาระประจำปี 2567 ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 ประกอบมติ ก.ตร. ในการประชุมครั้งที่ 8/2567 เมื่อ 7 ต.ค. 2567 และครั้งที่ 1/2568 เมื่อ 10 ม.ค.2568 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตำรวจระดับรอง ผบก. ลงมา ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบกำกับดูแลการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ตามมาตรา 63 (5) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 จึงกำชับให้ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการแต่งตั้งตั้งราชการตำรวจต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 อย่างเคร่งครัด โดยยึดถือความถูกต้องเป็นธรรม และมีความโปร่งใสในทุกกระบวนการ ดังนี้

1)การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบก. ลงมาใน บช. ที่มิได้สังกัด สง.ผบ.ตร. เป็นอำนาจของ ผบช. สำหรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในสังกัด สง.ผบ.ตร. เป็นอำนาจของ ผบ.ตร. นำข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการระดับรองลงมา ที่ได้มีการพิจารณาเสนอในรูปคณะกรรมการ
ตามที่กำหนดมาประกอบการพิจารณาด้วย หากมีความเห็นแตกต่างจากข้อมูลการเสนอแต่งตั้งของหัวหน้าส่วนราชการ ให้ชี้แจงเหตุผลต่อคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ.2565 มาตรา 79 และมาตรา 81

1.1. การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้พิจารณาจากอาวุโส ผลงาน ศักยภาพ ความประพฤติ ความรู้ความสามารถ ความชำนาญ ความถนัด ทักษะ ความสมัครใจทางราชการ และมุ่งหมายให้ผู้นั้นได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย โดยจะนำความคิดเห็นทางการเมืองหรือสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการพิจารณามิได้ สำหรับการพิจารณาความรู้ความสามารถ ให้คำนึงถึงประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และผลการประเมินความพึงพอใจที่ประชาชนหรือผู้รับบริการได้รับจากการให้บริการของข้าราชการตำรวจประกอบด้วย ตามมาตรา 60(3) มาตรา 76 และมาตรา 82

1.2 การแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียน ให้พิจารมาจากลุ่มสายงานที่ผู้นั้นมีความรู้ ความสามารถ ทักษะ ความสมัครใจ ความชำนาญ ความถนัด ความจำเป็นของราชการ และมุ่งหมายให้ผู้นั้นได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ตามมาตรา 76

1.3 การจัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงสูงขึ้น และการจัดทำบัญชี ผู้ไม่สมควรที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ให้นำรายชื่อข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีอาวุโสมาพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ประกอบด้วยประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงานความประพฤติ และผลการประเมินความพึงพอใจที่ประชาชนหรือผู้รับบริการได้รับจากการให้บริการของข้าราชการตำรวจประกอบกัน ตามที่กำหนดไว้ไว้ใน กฎ ก.ตร.ฯ ข้อ 26

1.4 การจัดทำข้อมูลการเสนอแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามพ.ร.บ.ตำรวจฯ มาตรา 79ให้เป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการจัดทำข้อมูลเสนอแต่งตั้งที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสมของข้าราชการตำรวจที่ได้รับการเสนอเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีที่มีความรู้ ความสามารถ มีผลงานที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ และตรงกับความเป็นจริงตามที่กำหนด

ทั้งนี้ การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และสับเปลี่ยนหมุนเวียนในกลุ่มสายงานใดสายงานหนึ่ง ต้องมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในกลุ่มสายงานนั้น ๆ เป็นไปตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 83 และมาตรา 84 และต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงตามที่ ก.ตร. กำหนด ตามมาตรา 90

2)การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ตร. สามารถใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการกรณี ผบช. ใช้อำนาจสั่งแต่งตั้งโดยไม่เป็นธรรม หรือมีกรณีไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์หรือวิธีการที่ ก.ตร. กำหนด หรือไม่ยึดถือความถูกต้องเป็นธรรมได้ โดยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ

ที่ ศปก.ตร. ตามข้อ 9 แห่งระเบียบ ตร. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายใน ตร.
พ.ศ.2566 และจะมีการพิจารณาตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว รวมถึงการพิจารณา
ดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีข้าราชการตำรวจร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร. อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจแต่งตั้งของ ผบช. ที่ไม่เป็นธรรม และ ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยว่า ผบช. ผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน พ.ร.บ.นี้ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาลงโทษผู้นั้นโดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวนอีกแล้วรายงานให้ ก.ตร. ทราบ และหาก ก.ตร. มีมติว่าการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการจงใจเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด จะถือว่า ผบช. ผู้นั้นกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และผบ.ตร. จะดำเนินการลงโทษผู้นั้นตามมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565

จึงแจ้งมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์