สภาฯสถานที่“เปลี่ยนสันดาน”หาเสียงขยัน-คว้าชัยหลังยาว แฉ สว. 200 คนเข้าประชุมแค่ 16

940


    “ ไม่น่าเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ที่เรียกขานกันว่าผู้ทรงเกียรติทำตัวน่าอดสู ขาดจิตสำนึกไร้ความรับผิดชอบ อย่างยิ่ง แถมบางครั้งเรียกร้องให้ผู้อื่นให้เกียรติ แต่กลับไม่ให้เกียรติผู้อื่น

     ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวสะท้อนได้ชัดเจนจากประชุมเมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่อาคารรัฐสภา มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในวาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 แก้ไขเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 มี นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณแลข้าราชการของกระทรวงการคลังเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภา

       ในระหว่างที่หน่วยงานราชการชี้แจงรายละเอียดตอบข้อซักถาม มีสว.นั่งอยู่ในห้องประชุมไม่ถึง 20 คน จน พล.อ.เกรียงไกร ทนไม่ไหวกล่าวเชิงตำหนิว่า ระหว่างที่หน่วยงานมาชี้แจง ผมนั่งนับ สว.ในห้องประชุมมีเพียง 25 คน เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง พบว่ามี สว.นั่งอยู่แค่ 16 คน

  “เข้าใจว่าเป็นเวลาก่ำกึ่งต้องผลัดกันไปรับประทานอาหาร แต่บางคนไปรับประทานอาหารแล้วไม่กลับ หน่วยงานที่มาชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง พอหน่วยงานขอเลื่อนบอกว่าหน่วยงานไม่ให้เกียรติ สว. หากเราอยากได้รอยยิ้มจากคนอื่นน่าจะยิ้มให้คนอื่นก่อน ผมนั่งตรงนี้รู้สึกโหวงเหวงเหลือเกิน คนชี้แจงแทบจะไม่ยากชี้แจง ”พล.อ.เกรียงไกรระบุและว่าทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ ออกไปแล้วพยายามกลับเข้ามา เพื่อให้คนมาชี้แจงได้ชื่นใจ อยากสะท้อนไปยัง สว.แม้มองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่หน่วยงานทำตามหน้าที่ สว.น่าจะรับฟังข้อมูลต่างๆ ไม่ได้ติติงอะไรแต่นั่งเป็นประธานเห็นว่าจาก 25 คนเหลือ 16 คน ฝากสมาชิกทุกคนไว้

            เป็นคำตำหนิที่ไม่ต้องอธิบายให้มากความว่าพฤติกรรมเป็นเช่นไร ประชาชนผู้เสียภาษีที่มีความรู้สึกติดลบกับ สว.ชุดนี้ ตั้งแต่ต้นแล้ว ยิ่งขาดศรัทธาหนักกว่าเดิม เพราะทันทีที่รู้ผลเลือกตั้ง สว.จากสูตรพิสดารหนึ่งเดียวในโลก ความคาดหวังของประชาชนถดถอยแล้ว แถมมีการบูลลี่หนักกว่า สว.ที่เผด็จการทหารตั้ง เนื่องจากผู้ที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่สังคมต่างทราบกันดีว่าพรรคการเมืองไหนจัดตั้งมา ตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริง แต่สังคมยังให้โอกาสให้ทำงานพิสูจน์ แต่ส่อเค้าจะล้มเหลว

          จึงอยากให้ สว.ทั้งหลายช่วยทบทวนถึงการเขียนแนะนำตัวและวิสัยทัศน์ว่าช่วงนั้นได้เขียนไว้อย่างไร ส่วนใหญ่จะบอกว่าหากได้รับเลือกตั้งจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พอถึงเวลาจริงออกแนวไม่สนใจ การประชุมทั้งที่เป็นภาระหน้าที่หลัก จึงไม่แน่ใจว่าที่ทำการรัฐสภามีอาถรรพ์อะไร ถึงทำให้นิสัยหรือสันดานของผู้ทรงเกียรติเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดินสายหาเสียงจะขยันเป็นพิเศษปากพ่นจะรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน แต่พอได้ตำแหน่งกลับกลายเป็นพวกหลังยาวกันทั่วหน้า

    ครั้นเปรียบเทียบกับรายได้และสิทธิพิเศษที่เป็นภาษีของชาวบ้านจ่ายให้ ยิ่งปวดร้าวหนัก อย่าง สว.1 คน รัฐจะต้องเสียค่าใช้จ่ายประกอบด้วย เงินเดือน 71,230 บาท เงินเพิ่ม 42,330 บาท รวมเป็นเงิน 113,560 บาท/เดือน สว.สามารถมีผู้ช่วยได้อีก 8 คน แยกเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว 1 คน เงินเดือน 24,000 บาท ผู้ชำนาญประจำตัว 2 คน เงินเดือน 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 30,000 บาท ผู้ช่วยดำเนินการประจำตัว 5 คน เงินเดือน 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 75,500 บาท

    นอกจากเงินประจำที่ได้รับทุกเดือนแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์สวัสดิการอื่นๆ  ประกอบด้วย ค่าเดินทางไปต่างประเทศกรณีเบิกเหมาจ่าย 3,100 บาท/วัน/คน ไม่ได้เบิกเหมาจ่าย ค่าอาหาร เครื่องดื่ม โรงแรม 4,500 บาท/คน/วัน ค่าทำความสะอาดเสื้อผ้า 500 บาท/คน/วัน และค่าใช้สอยเบ็ดเตล็ด 500 บาท/คน/วัน

    ค่าเดินทางในประเทศ เบี้ยเลี้ยง 270 บาท/คน/วัน ค่าที่พัก ถ้าพักคนเดียว 2,500 บาท/วัน/คน พักคู่ 1,400 บาท/คน/วัน พักแบบเหมาจ่าย 1,200 บาท/คน/วัน เดินทางไปประชุมรัฐสภาเบิกตามระยะทาง

     ค่ารักษาพยาบาล 4,000 บาท/วัน ค่าห้องไอซียู/ซีซียู ไม่กิน 7 วัน 10,000 บาท/วัน ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 100,000 บาท/ครั้ง ค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์ผ่าตัด 120,000 บาท/ครั้ง ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ 1,000 บาท/วัน ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค 4,000 บาท/ครั้ง รักษาฟัน 5,000 บาท/ปี คลอดบุตรธรรมชาติ 20,000 บาท ผ่าคลอด 40,000 บาท   ผู้ป่วยนอกค่ารักษาพยาบาลทั่วไป 90,000 บาท/ปี อุบัติเหตุฉุกเฉิน 20,000 บาท/ครั้ง ตรวจสุขภาพรายปี 7,000 บาท/ปี  เบี้ยประชุมกรรมาธิการ ในฐานะประธาน 1,500 บาท/ครั้ง รวมประชุมกรรมาธิการ 1,200 บาท/ครั้ง ประชุมอนุกรรมาธิการ 800 บาท/ครั้ง

     จากตัวเลขที่ยกมาเพื่อสื่อให้เห็นว่าชาวบ้านต้องจ่ายภาษีอุ้มพวก สว.หรือ สส.เป็นเงินจำนวนมาก แม้แต่ประชุมสภาฯหรือกรรมาธิการ ล้วนเป็นหน้าที่หลัก รัฐยังต้องจ่ายค่าเดินทางและค่าเบี้ยประชุมให้อีกต่างหาก

   จึงไม่แน่ใจว่าการประชุมในวันที่ 20 มกราคม นอกจาก สว.16 คนที่อยู่ในห้องประชุมเบิกค่าเดินทางแล้ว มี สว.คนไหนบ้างเบิกค่าเดินทางเช่นเดียวกับ สว.ทั้ง 16 คน ประธาน สว.หรือ รองประธาน
สว.ควรจะเปิดเผยให้กับสาธารณชนได้รับทราบบ้าง เพื่อเยาวชนจะได้ไม่เอาเป็นแบบอย่างถึงความไร้ยางอายของผู้ทรงเกียรติเหล่านั้น

      เผื่อในอนาคตถ้าเยาวชนมีโอกาสได้รับเลือกเป็นผู้ทรงเกียรติเดินเข้ารัฐสภา จะได้ไปล้างอาถรรพ์ที่สภาฯทำให้สันดานคนเปลี่ยนจากขยันช่วงหาเสียง กลายเป็นพวกหลังยาวเมื่อคว้าชัย ให้หมดไป !!!