วันที่ 26 ธันวาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณี แบงค์ เลสเตอร์ influencer ชื่อดัง ถูกว่าจ้างให้ดื่มสุรา 1 ขวดแบนจนทำให้เสียชีวิตนั้น ว่า การกระทำใดๆที่เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมีการเล็งเห็นผลหรือไม่ ว่าจะทำให้ผู้ที่ทำเรื่องดังกล่าวเสียชีวิตหรือได้รับอันตราย ถ้าหากเป็นการกระทำโดยการเจตนา ก็ถือว่าผิดกฎหมายอาญา ต้องไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และต้องตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดในมาตราใด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่ควรทำ เพราะเป็นการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเกิดอันตรายถึงชีวิต พร้อมอยากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนว่าในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่อย่าเฉลิมฉลองจนขาดสติ เพราะหากเกิดการสูญเสียอย่างกรณีดังกล่าวก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ฝ่ายกฎหมาย) กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่าสามารถเอาผิดกับผู้จ้างดื่มได้หรือไม่ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คดีดังกล่าวจะต้องเริ่มจากการทำสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายอาญาก่อน เพื่อให้ทราบสาเหตุแห่งการตายว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติหรือตามธรรมชาติ ซึ่งจะต้องมีการตรวจพิสูจน์โดยแทพย์นิติเวช ซึ่งขณะนี้ร่างอยู่ระหว่างการผ่าพิสูจน์ส่วนผลจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบรายละเอียด
พล.ต.อ.นิรันดร กล่าวว่า หากแพทย์นิติเวชสรุปผลว่าเป็นการตายผิดธรรมชาต มีผู้ทำให้ถึงแก่ความตาย ก็ถือว่าความผิดทางอาญาเกิดขึ้น จึงต้องทำสำนวนขึ้นมาอีกสำนวน โดยเอาสำนวนชันสูตรศพมาประกอบคดีอาญา เพื่อที่จะสืบสวนสอบสวนว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการตายและใครกระทำความผิด ขณะนี้เชื่อว่าในทางสืบสวนตำรวจพื้นที่ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าการตายเกิดจากสาเหตุใด เพาะคืนวันเกิดเหตุมีการจัดปาร์ตี้ร่วมดื่ม และมีการเชียร์ให้ดื่มสุรามากกว่าปกติ ซึ่งตามปกติร่างกายแต่ละคนรับได้ไม่เท่ากัน ในการดื่มแอลกอฮอล์ และแต่ละคนอาจมีโรคประจำตัวที่แต่ละคนไม่รู้มาก่อน อาจจะสัมพันธ์กับการดื่มสุราและไปการกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตได้ ต้องรอแพทย์ทำการชันสูตรเพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริง
ส่วนการจะชี้ว่าใครกระทำผิดหรือไม่ต้องมีหลักฐานหลายอย่างยังไม่สามารถฟันธงได้ในเวลานี้เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้อาจจะเทียบเคียงคดีในอดีตเช่น คดี “ลาลาเบล” ที่อาจจะมีพฤติการณ์ใกล้เคียงกัน คือมีการชักชวนให้ดื่มสุราในงานปาร์ตี้เช่นเดียวกัน จึงต้องดูพฤติการณ์ในการสืบสวนสอบสวนว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยย้ำต้องทราบสาเหตุการเสียชีวิตก่อนอย่าเพิ่งกล่าวหาบุคคลใด เพราะเป็นการชี้นำสังคม ถึงแม้สังคมจะเชื่อแล้วก็ตามว่ามีการว่าจ้างแล้วชี้ว่าบุคคลนั้นต้องผิดหรือต้องถูก ยืนยันว่าตำรวจทำงานไม่ล่าช้า
ส่วนที่สื่อมวลชน ระบุว่า มีการว่าจ้างกัน3หมื่นบาทให้ดื่มจนเสียชีวิต เน้นย้ำว่าต้องดูรายละเอียดอื่นๆเช่น เป็นเรื่องของการสมัครใจหรือไม่ หรือมีการบังคับขู่เช่นหรือไม่ จึงไม่สามารถฟันธงข้อกฎหมายได้ต้องมีการสืบสวนสอบสวน รวบรวมหลักฐานถึงสภาพแวดล้อมทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ท.โสภณ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะกำกับดูแลโรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่าทางการแพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากการดื่มสุราหรือไม่ ต้องรอการพิสูจน์จากแพทย์นิติเวช อย่างเป็นทางการ เนื่องจากพฤติกรรมบางคนอาจจะเคยดื่มสุราเป็นประจำหรือบางคนไม่เคยดื่มก็อาจจะมีผลต่อร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยดื่มถ้าดื่มในปริมาณมากจะรู้สึกไม่ดีและดื่มอย่างไม่มีความสุข จึงต้องรอผลทางการแพทย์อย่างเดียว
พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า กรณีชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่บางประเทศที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นจัด จึงดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ทางการแพทย์ส่วนใหญ่ที่พบ มักเจอกับคนไข้ที่เป็นโรคเส้นเลือดโป่งพอง และคนสูงอายุ เพราะช่วงที่อากาศเย็นหลอดเลือดจะหดตัวแต่หากดื่มแอลกอฮอล์ เส้นเลือดจะโป่ง เมื่อดื่มในปริมาณมากก็จะทำให้เส้นเลือดหดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้เส้นเลือดแตกจนเสียชีวิตได้ แต่ในประเทศไทยไม่ได้มีอากาศหนาวจัดเหมือนต่างประเทศ ซึ่งประเด็นนี้ต้องดูหลายปัจจัย การดื่มสุราที่ไม่คุ้นชินไปทันทีทันใดจะมีผลต่อสุขภาพ แต่ยังไม่รวมถึงบุคคลที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคตับ และตับอ่อน ฯลฯ บางคนไม่รู้ว่าตัวเองมีโรคประจำตัวแล้วไปดื่มก็อาจทำให้มีผลได้ทันที เพราะไม่ทราบว่าร่างกายจะรับได้ปริมาณมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ ยังกล่าวว่าการที่คนไทยและชาวต่างชาติ คิดว่าดื่มแอลกอฮอล์สามารถช่วยแก้หนาวได้เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและมีความเสี่ยง เพราะจะกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบเป็นอันตรายต่อชีวิตได้