เหิมหนัก! สตม.ทลายแก๊งฝรั่งค้ายาเสพติดให้นักท่องเที่ยวบนเกาะพะงัน

180

สตม. บูรณาการ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ทลายแก๊งฝรั่งเหิมค้ายาเสพติดให้นักท่องเที่ยวบนเกาะพะงัน ตั้งคนไทยเป็นนอมินี เปิดบริษัทบังหน้าฟอกเงิน พบทำมาแล้วเกือบ 2 ปี เงินหมุนเวียนกว่า 71 ล้านบาท เตรียมเพิกถอนวีซ่าผลักดันออก พร้อมลงแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศ

วันนี้ (19 ธ.ค.67) เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.กฤดินิธิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ฯ รรท.ผกก.สภ.เกาะสมุย, พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปัญญา นิรัตติมานนท์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน, พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมจับกุมนายเฟเดริโก้ หรือ MR.FEDERICO อายุ 36 ปี สัญชาติอิตาลี ในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี,เอ็กตาซี) และยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน(มูลฐานยาเสพติด)และฟอกเงิน” และข้อหาครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี,เมตแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมของกลางอื่นจำนวน 24 รายการ พร้อมอายัดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี ยอดเงิน 6.6 ล้านบาท ที่ดินในนามบริษัทพิทยาแลนด์ จำกัด เนื้อที่ 2 ไร่เศษ จำนวน 1 แปลง มูลค่า 8 ล้านบาท ยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า จำนวน 1 คัน และอยู่ระหว่างตรวจสอบที่ดินอีก 2 แปลง ซึ่งน่าจะถือครองในชื่อของบุคคลอื่น รวมทั้งธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่นายเฟเดริโก้ ฯ เป็นกรรมการว่าเข้าข่ายมีการประกอบในลักษณะนอมินีหรือไม่

นอกจากนี้ยังสามารถขยายผลจับกุมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พบว่ามาซื้อยาเสพติดจากนาย เฟเดริโก้ ได้อีก 2 ราย คือ นายโรมัน หรือ MR.ROMAN อายุ 37 ปี สัญชาติฝรั่งเศส และนายแอนทอน หรือMR.ANTON อายุ 39 ปี สัญชาติรัสเซียสำหรับยาเสพติดที่ตรวจพบ เช่น โคเคน เห็ดขี้ควาย ซึ่งเป็นยาเสพติดที่แพร่หลายในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ


พล.ต.ต.ภาณุมาศ ฯ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการจับกุม นายปีเตอร์ หรือMR.PETER สัญชาติอังกฤษ ข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ฯ และศาลจังหวัดเกาะสมุย ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี 11 เดือน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้สืบสวนขยายผลพบว่านายปีเตอร์ สั่งซื้อยาเสพติดมาจากนายเฟเดริโก้ โดยมียอดการสั่งซื้อมากกว่า 200,000 บาทในระยะเวลากว่าปีเศษ และในห้วงเวลาเดียวกันพบว่านายเฟเดริโก้ ฯ ได้รับโอนเงินจากชาวต่างชาติรายอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงันอีกหลายราย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเงินที่ได้มาจากการซื้อขายยาเสพติดในเครือข่ายเดียวกัน โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 71 ล้านบาท


ด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ฯ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี และภ.จว.สุราษฎร์ธานี ตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับนายเฟเดริโก้ ฯ และเข้าตรวจค้นเครือข่ายอีก 3 จุด จนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 2 รายตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น


พล.ต.ต.ทรงโปรด ฯ ผบก.ตม.6 กล่าวด้วยว่า นายแอนทอนได้มีจัดตั้งบริษัท เพียว เฮ้าส์ พะงัน จำกัด ขึ้นมาประกอบธุรกิจให้บริการรับทำความสะอาดวิลล่าที่พักอาศัย สวน และสระน้ำให้กับชาวต่างชาติ โดยมีลักษณะให้คนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนหรือนอมินี เพื่อบังหน้าปกปิดการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 4,000,000 บาท มีลักษณะการถือหุ้นที่ผิดปกติโดยมีคนไทยถือหุ้น ในสัดส่วน 100 เปอร์เซ็นต์ มีนายแอนทอน และภรรยาชาวรัสเซีย เป็นกรรมการพบว่ามี น.ส.มีนา บุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทนนายแอนทอน เพื่อให้ได้ประกอบธุรกิจในราชอาณาจักรตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ซึ่งเงินที่ใช้ในการลงทุนทั้งหมดเป็นของนายแอนทอน ฯ


เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.มีนา ในข้อหาให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจให้บริการรับทำความสะอาดวิลล่าที่พักอาศัย บ้านพักตากอากาศ ดูแลสวน และสระว่ายน้ำอันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 บัญชี3 (21) การทำธุรกิจบริการอื่นๆ ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย และนายแอนทอน ฯ ในข้อหายินยอมให้คนไทยช่วยเหลือให้ตนเองได้ประกอบธุรกิจบริการรับทำความสะอาดวิลล่าที่พักอาศัย บ้านพักตากอากาศ ดูแลสวน และสระน้ำ อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ท้ายบัญชี 3 (21) การทำธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่ไม่ได้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง และประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 8 และมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่ามีการถือหุ้นแทนคนต่างชาติ

รรท.ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งกวาดล้างบริษัทนอมินีที่ใช้คนไทยถือหุ้นบังหน้า รวมทั้งกวาดล้างอาชญากรรมที่กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของ น.ส.แพทองธาร ชิณวัตร นายกรัฐมนตรี และต่อจากนี้ไปจะให้ ตม.ทุกจังหวัด ประสานการปฏิบัติกับตำรวจพื้นที่เร่งตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติ และบริษัทที่ประกอบธุรกิจในลักษณะที่เป็นมอมินี หากตรวจพบจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกราย

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวสตม