ไทยอันดับ 9 โลก เสี่ยงเผชิญภาวะอากาศสุดขั้ว “กรมลดโลกร้อน” เปิดเวทีเร่งหาทางแก้

675

ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) วันที่ 17 ธันวาคม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) เปิดงานทิศทางประเทศไทยกับภารกิจด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานใน 6 สาขาความเสี่ยง เพื่อขยายผลการขับเคลื่อนจากส่วนกลางไปสู่ระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมกรมลดโลกร้อน (สส.) กล่าวรายงาน

​นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาอุณภูมิของโลกได้เพิ่มสูงขึ้นแล้ว 1.3 องศาเซลเซียส และในอีก 5 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่จะเกิน 1.5 องศา ซึ่งผลกระทบที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ปะการังเสี่ยงอยู่ในภาวะฟอกขาว เกิดภัยแล้งรุนแรงในบางภูมิภาคของโลก ผลผลิตทางการเกษตรลดลง อีกทั้งรูปแบบของภูมิอากาศทั่วโลกในบางพื้นที่ เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้วเมื่อเทียบกับอดีต สำหรับประเทศไทยจะเผชิญกับความเสี่ยงที่รุนแรงและยากต่อการคาดการณ์มากขึ้น เช่น ภาคใต้เกิดฝนตกหนักแบบกระจุกตัว หรือเรนบอมบ์ เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 7 แสนครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 35 ราย มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 5 พัน – 1 หมื่นล้านบาท

ปลัด ทส.กล่าวว่า จากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP29) ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาตัวชี้วัดเป้าหมายด้านการปรับตัวระดับโลก โดยจะสรุปผลการจัดทำตัวชี้วัดดังกล่าวในการประชุมที่บอนน์ ประเทศเยอรมนี ในช่วงกลางปีหน้า ขณะที่เป้าหมายการสนับสนุนทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก (BAKU Finance Goal) มีมติเห็นชอบการระดมเงินทุนจากประเทศพัฒนาแล้ว 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ภายในปี พ.ศ. 2578 ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จึงเสนอวงเงินที่ต้องการอย่างน้อย 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เพื่อดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลดความสูญเสียและความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายจตุพรกล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ถูกจัดอันดับประเทศที่ได้รับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ภูมิอากาศสุดขั้ว เป็นอันดับ 9 ของโลก จำเป็นต้องเร่งดำเนินการเรื่องการปรับตัว ซึ่งที่ผ่านมากรมลดโลกร้อน ได้จัดทำแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (NAP) ที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านการปรับตัวระดับโลก และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2568 จะจัดทำแผนปฏิบัติการรายสาขา นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาข้อมูลการคาดการณ์ภูมิอากาศในระยะยาวจากแบบจำลองภูมิอากาศ และการปรับปรุงแผนที่ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบาย

ทั้งนี้นายจตุพรกล่าวว่า ทส. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข มื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และจะมีแผนจะลงนาม ให้ครบ 5 สาขา ประกอบด้วยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายด้านการปรับตัวระดับโลกและระดับประเทศ สู่ระดับจังหวัดและท้องถิ่น โดยจะเชื่อมโยงกับการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับพื้นที่ รับผิดชอบโดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด

สำหรับงานในวันนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน