จู่ๆสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เกิดความตึงเครียด ตามที่ปรากฏข่าวเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ทางกระทรวงกลาโหม สั่งการไปยังกองทัพบก ให้เตรียมความพร้อมกำลังและยุทโธปกรณ์ เพื่อดูแลรักษาอธิปไตยชายแดนภาคเหนือ ด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังกองทัพบก ได้ให้กองทัพสหรัฐว้าใต้ เร่งถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทจำนวน 8 ฐานปฏิบัติการ
ทางกองกำลังว้าแดงได้รับข้อเสนอของกองทัพไทยพร้อมรายงานต่อกองบัญชาการสหรัฐว้า และจะให้คำตอบต่อกองทัพไทยภายในวันที่ 18 ธันวาคม โดยกองทัพบกยังเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้น แต่จะเน้นยำการเจรจาเพื่อให้ได้ข้อยุติ
ก่อนถึงวันที่ 18 ธันวาคม เกิดกระแสข่าวว่าชายแดน ด้าน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทหารว้าแดงกำลังจะเผชิญหน้ากับทหารไทย จนทางรัฐว้าแดงได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม จำนวน 3 ฉบับเผยแพร่เป็นภาษาไทย ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ สรุปว่าความตึงเครียดระหว่างไทยกับว้า เป็นเพียงข่าวลือและก่อให้เกิดความขัดแย้งเท่านั้น รัฐว้าไม่เคยบอกว่าจะเป็นศัตรูกับกองทัพไทยหรือทำสงครามกับกองทัพไทย สื่อบางสื่อประดิษฐ์คำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จ…
ดังนั้นหากย้อนดูที่มาของกลุ่มว้า ผู้สันทัดกรณีได้วิเคราะห์ว่า กองกำลังว้าแดง เป็นกองกำลังชาติพันธุ์ในเมียนมา มีฐานที่มั่นหลักเรียกว่าเขตว้าเหนือ ใกล้ชายแดนจีนและเขตว้าใต้ ติดชายแดนไทยด้านเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน มีอำนาจเป็นเขตปกครองพิเศษ และมักถูกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด
จากข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า กองกำลังว้าแดงเป็นกองกำลังชาติพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมียนมา มีสมาชิกประมาณ 30,000 คน แต่มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าพื้นที่ในควบคุมเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดรายใหญ่ ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ถึงกองกำลังว้าเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา ว่า กองกำลังว้ามักแสดงพฤติกรรมไม่ยึดถือเส้นเขตแดนที่เป็นทางการ แต่ยึดความสะดวกและผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เป็นหลัก บริหารจัดการแบบรัฐอิสระ ไม่ยอมรับอำนาจรัฐส่วนกลางของเมียนมาอย่างเต็มรูปแบบ
“แต่เดิมว้ามีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่หุบเขาทางตอนเหนือรัฐฉาน ใกล้ชายแดนจีน ต่อมาขยายกำลังลงทางใต้ โดยเฉพาะพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ จุดศูนย์กลางการผลิตยาเสพติด เชื่อมต่อกับลุ่มแม่น้ำโขงไทยและลาว เพื่อสร้างเครือข่ายการค้า”ผู้สันทัดกรณีระบุและว่าว้ามีความใกล้ชิดกับจีน โดยเฉพาะพื้นที่ตอนเหนือของรัฐฉาน เช่นการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์และสนับสนุนทางเศรษฐกิจ แต่จีนยังรักษาสมดุลไม่ให้เกิดผลกระทบถึงความสัมพันธ์ในทางภูมิภาค
ผู้สันทัดกรณีตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประเด็นการประท้วงของไทยกรณีพื้นที่ทับซ้อนที่กำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ว่า กลุ่มว้าขยายอิทธิพลอย่างเข้มข้นบางจุดว้าตั้งฐานลึกเข้ามาในเขตแดนไทย เช่น หนองหลวงและดอยหัวม้า ซึ่งสร้างข้อสงสัยถึงการละเมิดอธิปไตยไทยและชี้ให้เห็นถึงความแข็งกร้าวของว้าในการยึดพื้นที่เพื่อคุ้มครองเส้นทางลำเลียงยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ถึงบทบาทของรัฐบาลไทยว่า จากนโยบายปราบปรามยาเพสติดอย่างเข้มข้นสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมุ่งเน้นการปราบปรามยาเสพติดอาจทำให้เกิดแรงผลักดันให้กองทัพไทยต้องดำเนินการในเชิงรุกกับกลุ่มว้าที่ควบคุมพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำได้
ผู้สันทัดกรณีมองถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เมียนมาและว้าว่า รัฐบาลเมียนมาไม่มีอำนาจควบคุมกลุ่มว้าโดยตรงและกลุ่มว้ามีความใกล้ชิดกับจีน ทำให้ไทยต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มที่มีอิทธิพลสูง การประท้วงที่ผ่านมาอาจไม่ได้รับการตอบสนองเพราะว้าไม่ยอมถอนตัว ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาความไม่ลงรอยในเขตชายแดน
ผู้สันทัดกรณีมองถึงความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพว้าแดงกับจีนว่า จะส่งผลต่อความซับซ้อนและแรงกดดันในภูมิภาค เนื่องจากจีนเป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทัพว้าในหลายด้าน โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์ การเงินและความช่วยเหลือทางยุทธศาสตร์ จีนเป็นแหล่งจัดหาอาวุธและเทคโนโลยีให้กับว้าแดง เช่นอาวุธหนัก รถหุ้มเกราะและโดรน เพื่อเสริมให้กองกำลังแข็งแกร่ง ทำให้ว้าแดงมีศักยภาพสูงในภูมิภาค
“ขณะเดียวกันจีนมองกำลังว้าแดงเป็นตัวแทนทางยุทธศาสตร์ในเมียนมา โดยเฉพาะเขตรัฐฉานที่ใกล้ชายแดนจีน การสนับสนุนว้าทำให้จีนมีอิทธิพลในภูมิภาคและสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนทางอ้อม “
ผู้สันทัดกรณีระบุและมองถึงผลกระทบต่อไทยว่าการสนับสนุนของจีนทำให้ว้าแดงกลายเป็นกองกำลังที่มีศักยภาพสูง แม้กองทัพไทยจะเตรียมพร้อม ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย
“จากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับว้าแดงทำให้ไทยต้องใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการจัดการกับข้อพิพาท เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามและกระทบความสัมพันธ์ในในระดับภูมิภาค”ผู้สันทัดกรณีระบุ
ถ้ามองจากบทวิเคราะห์แล้วสถานการณ์ชายแดนไทยฝั่ง เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน บวกกับสารพัดข่าวลือทหารว้าแดงประกาศท้าทายว่าไม่เกรงกลัวกองทัพไทยแล้ว จัดว่าเป็นการบ้านข้อยากของรัฐบาลไทยในการเจรจาเพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นนโยบายปราบปรามยาเสพติดแบบเข้มข้น กองทัพว้ามีจีนเป็นกำแพงให้พิง รวมถึงกลุ่มว้าประกาศเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลเมียนมา และยึดหลักเขตแดนแบบไม่สนเขตทางการ
ดังนั้นหากตัวแทนการเจรจาระดับต่างๆก้าวพลาดเพียงก้าวเดียวชายแดน 3 ่จังหวัดภาคเหนืออาจจะกลายเป็นสมรภูมิรบ !!!