วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2567 “ส่งเสริมการเป็นผู้นำคนพิการเพื่ออนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน” (Amplifying the leadership of persons with disabilities for an inclusive and sustainable future) พร้อมทั้งมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ประจำปี 2567 โดยมีนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) กล่าวรายงาน นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ คณะผู้บริหารกระทรวง พม. คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ผู้นำองค์กรและผู้แทนเครือข่ายคนพิการและผู้ปฏิบัติงานด้านคนพิการจากทุกภาคส่วน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วม
ในงานมีการฉายวิดีทัศน์คำปราศรัยเนื่องในโอกาสวันคนพิการสากล ประจำปี 2567 โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และการอ่านสารวันคนพิการสากล ประจำปี 2567 โดย คุณมิเกลล่า ฟิลแบรย์-สตอเร่ (Ms. Michaela Friberg-Storey) ผู้ประสานสหประชาชาติประจำประเทศไทย (United Nations Resident Coordinator – UNRC) และนายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย อีกทั้ง มีการจัดนิทรรศการวิชาการ เทคโนโลยี นวัตกรรมด้านคนพิการ, นิทรรศการผลงานของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และเครือข่ายคนพิการ, การแสดงความสามารถและผลงานของคนพิการ ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้วันที่ 3 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคนพิการสากล และเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจของสังคมเกี่ยวกับคนพิการและให้โอกาสคนพิการได้มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของสังคมอย่างสร้างสรรค์ เป็นธรรม และเสมอภาคกับคนทั่วไป ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้จัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันคนพิการสากลเป็นประจำทุกปี ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สำหรับปี 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ร่วมกับสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย องค์กรคนพิการแต่ละประเภท และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้จัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2567
นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการเสริมศักยภาพประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งนโยบายของรัฐบาลแต่ละนโยบายนั้น ล้วนแล้วแต่มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของพี่น้องคนพิการ โดยในช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา ตนได้ทำงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รู้สึกโชคดีที่ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับข้าราชการ พี่น้องกลุ่มเปราะบางทุกกลุ่มที่กระทรวง พม. ทำงานด้วย โดยเฉพาะคนพิการ ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่น้องคนพิการทุกประเภท และหากมีเวลาก็อยากไปเรียนภาษามือ แต่เวลายังจำกัดอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตนได้เรียนรู้ คือความต้องการที่จะมีความอิสระ ไม่อยากจะไปพึ่งพาใคร ไม่ได้อยากจะเป็นภาระให้กับใคร ความพิการนั้น ไม่ได้ทำให้คนคนหนึ่งเป็นคนพิการ บางครั้งตนเริ่มสงสัยว่าความหมายคำว่าคนพิการนั้น คือบุคคลคนนั้นเป็นคนพิการหรือว่าสังคมเป็นสังคมที่พิการกันแน่ เพราะว่าไม่สามารถหาอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องคนพิการได้ และจากการที่ตนได้มีโอกาสสัมผัสกับการทำงานของพี่น้องคนพิการในแต่ละประเภท ได้มีโอกาสพาพี่น้องคนพิการดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการทางการเห็น หรือคนพิการทางการเคลื่อนไหวที่นั่งวีลแชร์ ทำให้เห็นว่าความพิการนั้น นอกจากจะไม่ได้เป็นอุปสรรคแล้ว ในทางตรงกันคือการดึงเอาศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในคนๆ หนึ่งออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น วันนี้บทบาทของกระทรวง พม. นอกจากที่จะช่วยเหลือ สนับสนุนพี่น้องคนพิการแล้ว ยังมีหน้าที่ที่จะทำอย่างไรให้ความพิการไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของพี่น้องคนพิการ นี่คือเหตุผลสำคัญของการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) โครงการนำร่องการสนับสนุนให้สถานศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพของคนพิการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ ระยะที่ 2 ระหว่างกระทรวง พม. กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ
นายวราวุธ กล่าวว่า วันนี้ เราจะมาคืนศักยภาพในการใช้ชีวิตของคนพิการทุกคน และทำให้คนพิการนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทยในมิติทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยวันนี้ กำลังประสบกับปัญหาวิกฤตประชากร ดังนั้น ประชากรทั้ง 66 ล้านชีวิตในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิการ ทุกคนเป็นกำลังสำคัญในการที่จะนำพาประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้าในทุกมิติ เพราะเราต้องเดินไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยเทคโนโลยีในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น Caption (คำบรรยายใต้ภาพ) แบบที่มีอยู่บนจอ เทคโนโลยีทางกายภาพต่างๆ ล้วนแล้วแต่ลดช่องว่างระหว่างความพิการกับความไม่พิการให้แคบลง หรือแม้แต่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ตนได้มีโอกาสหารือกับกลุ่มคนที่อยากทำให้คนพิการทางการเห็นสามารถดูหนังได้ โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ที่จะมาสนับสนุนโครงการดีๆ อย่างนี้ นี่คือหน้าที่ของกระทรวง พม. ที่จะทำให้สังคมไม่พิการ และทำให้คนไทยทุกคน สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระ และมีความสุขอย่างถ้วนหน้ากัน รวมไปถึงการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนคนทั่วไปด้วยว่า ความพิการนั้น ไม่ใช่อุปสรรค ตรงกันข้าม สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างมากมาย ดังนั้น คนพิการจะไม่เป็นภาระให้กับสังคมแต่เป็นกำลังสำคัญ วันนี้กระทรวง พม. จะมาสร้างศักยภาพ สร้างความเข้มแข็งให้กับคนพิการ เพื่อมาเป็นกำลังสำคัญในการนำพาประเทศไทยให้เดินไปข้างหน้า
“ในโอกาสนี้ ต้องขอแสดงความยินดีกับพี่น้องคนพิการต้นแบบทุกท่าน รวมไปถึงบุคคล หน่วยงาน องค์กรที่ได้รับรางวัลฯ ประจำปี 2567 อาทิ
รางวัลคนพิการต้นแบบ, รางวัล Global IT Challenge for Youth with Disabilities 2024, รางวัลองค์กรที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ประจำปี 2567, รางวัลหน่วยงานภาครัฐที่ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ ประจำปี 2567, รางวัลสถานที่ที่เอื้อต่อคนพิการ ประจำปี 2567 Accessible Place 2024 และ รางวัลองค์กรด้านคนพิการหรือองค์กรอื่นใดที่ให้บริการแก่คนพิการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฯ (มอพ.2554) ระดับดีมาก ซึ่งมีศักยภาพมากมายเหลือเกิน และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องคนพิการทุกคนในการที่จะเป็นกำลังสำคัญ ได้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ กับชาว พม. ทำให้ประเทศไทยของเรานั้น เป็น Acessible Thailand คือ เป็นสังคมที่ไม่พิการ และทำให้คนพิการมีอิสระในการใช้ชีวิตเหมือนกันทุกคน” นายวราวุธ กล่าว
#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #วันคนพิการสากล2567