ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 27 พ.ย. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้อนรับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council: USABC) นำโดยนายโรเบิร์ต โกเดค (H.E. Mr. Robert Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย และนายไบรอัน แม็คฟีเตอร์ส (Mr. Brian McFeeters) รองประธานอาวุโสและกรรมการผู้จัดการระดับภูมิภาคจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ – อาเซียน พร้อมผู้แทนบริษัทสมาชิก จำนวนกว่า 40 บริษัท ครอบคลุมในธุรกิจพลังงาน สาธารณสุข เทคโนโลยีดิจิทัล การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ รวมไปถึงที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และการเงิน โดยนายกรัฐมนตรีได้สนทนากับคณะนักธุรกิจจาก USABC เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐฯ
โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการเยือนนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาซึ่งได้เชิญชวนให้เอกชนสหรัฐฯ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมในอนาคต และอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในไทย ว่ารัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนเงินคืน 30% สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียวมีภาพยนตร์จากสหรัฐฯ กว่า 50 เรื่องที่มาถ่ายทำในประเทศ สร้างรายได้อย่างมหาศาลและยังกระตุ้นความสนใจจากบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำให้เห็นถึงโอกาสในการลงทุนที่ประเทศไทยด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในช่วงการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ กรุงลิมา ประเทศเปรูได้เน้นย้ำถึงความพร้อมของประเทศไทยในการส่งเสริมการเชื่อมโยงในทุกมิติ รวมถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่งได้รับชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แสดงความยินดีกับพัฒนาการในเชิงบวกของไทย โดยเฉพาะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังเพิ่มขึ้น
ด้าน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่าการหารือกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ของ USABC ในวันนี้มีนักธุรกิจจากหลากหลายภาคส่วนที่มีมูลค่าทางการค้ารวมกันเป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะช่วย สนับสนุนการลงทุนและ สร้างงานนับหมื่นคนในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้คณะ USABC ได้มีการประชุมกับรัฐมนตรีของไทยหลายท่าน ได้ผลที่น่าพอใจ ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นหุ้นส่วนไทย-สหรัฐ ฯ ทั้งการค้าและการลงทุน รวมถึงความร่วมมือในทุกระดับทุกมิติระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย
สำหรับการหารือในวันนี้ ภาคธุรกิจสหรัฐได้กล่าวชื่นชมนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับภาคเอกชน รวมถึงนโยบายของรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกในการลงทุน (Ease of Doing Business) การส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมการใช้ดิจิทัลในด้านการค้าและการลงทุน รวมถึงภาคการเงิน และพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลในการกระชับความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการลงทุนร่วมไทยและสหรัฐฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงนโยบาย “Soft Power” ที่มุ่งพัฒนาความร่วมมือในทุกภาคอุตสาหกรรม และไทยหวังจะแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ ในการพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยเน้นลงทุนทั้งด้านพลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมใหม่ เช่น Data Center Semi-conductor เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งไทยพร้อมรับฟังคำแนะนำจากภาคธุรกิจสหรัฐฯ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง