เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร. )พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 538/ 2567เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อนด้วยข้าราชการตำรวจดังต่อไปนี้
(1) พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
(2) ร.ต.อ. ธนกฤต กาญจนมาศ รองสารวัตร กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
(3) ร.ต.อ. อำนวย คงกลิ่น รองสารวัตร ป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3
(4) ด.ต.สุพรรณ ของใส ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4
(5) ด.ต.ชยพล วงษ์ปัน ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5
(6)ด.ต. มนัสวี จรรยาลักษณ์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6
(7) ด.ต.พรเทพ ลังขาระ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราบปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4
(8) ด.ต.สยาม ทองมนต์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรรจังหวัดสระบุรีผู้ถูกกล่าวหาที่ 8
(9) จ.ส.ต. กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9
มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนกรณี มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากนายไซ หรือ MR.SAI สัญชาติ วานอาทูน เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี และถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็ทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น
ตามคดีอาญาที่ 2175 /2567 ของสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องห้อง และมีเหตุให้พักราชการ ได้ตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 3(3) คือผู้นั้นถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการหรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ โดยผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการตำรวจ มีหน้าที่และอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน ป้องกันและปราบปรามความผิดอาญา แต่กลับต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาเสียเอง ซึ่งเป็นคดีสำคัญอยู่ในความสนใจของประชาชนย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนและภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง ถ้าให้ผู้นั้นคงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ราชการได้
ประกอบกับการสอบสวนพิจารณาในเรื่องนี้มีความยุ่งยากสลับซับซ้อนและมีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดเป็นจำนวนมากพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้นจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว
ฉะนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 199 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.ศ.2565 ประกอบ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ข้อ 8 คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 49 วันที่ 20 มิถุนายน 2548 เรื่อง มอบอำนาจการดำเนินการทางวินัย การสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการและกำหนดแนวทางการปฏิบัติตาม
คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 488/2567ลงวันที่ 11 ตุลาคม 2567 เรื่อง กำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ คำสั่งสำนังสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 254/2567ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2567เรื่อง กำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (เพิ่มเพิ่มเติม) และบันทึกสั่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ท้ายหนังสือสำนักงาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (งานบริหาร) ที่ 0001 (บร)/113 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2567เรื่องการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในงานบริหาร จึงให้ พ.ต.ท. ชนะชัย ใจกล้า กับพวกรวม 9 นายออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141 ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง และหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์สั่ง ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ”คำสั่งดังกล่าาวระบุ“
คลิกอ่านคำสั่ง 9 ตำรวจฉาวอุ้มรีด 300 ล้าน
https://cdn2.me-qr.com/pdf/7d936942-ab99-440b-ab44-af1ff29a21fb.pdf
https://cdn2.me-qr.com/pdf/ebb6a122-c0ae-4b5a-a003-35cf08c97c28.pdf
https://cdn2.me-qr.com/pdf/ebcb9a90-da96-4e2e-9c55-0b490d340a27.pdf
https://cdn2.me-qr.com/pdf/ce46beff-e165-4625-9cd9-193a97747c96.pdf