กรุงเทพมหานคร วันที่ 2 พ.ย. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ทางศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจบริเวณสะพานลอย ตลาดนัดจตุจักร หลังจากมีพลเมืองดีแจ้งมายัง ศรส. กระทรวง พม. เพื่อขอความช่วยเหลือชายเร่ร่อนพาลูกสาว 2 ขวบ มาขายของบนสะพานลอย ย่านจตุจักร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่ดังกล่าวไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่พบสองพ่อลูกดังกล่าว จึงได้ติดตามสอบถามจากประชาชนในบริเวณนั้น ทราบข้อมูลว่าชายเร่ร่อนคนนี้จะพาลูก 2 ขวบ มาขายของช่วงเย็นๆ วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์
เมื่อเจ้าหน้าที่ ศรส. ประสานตำรวจมาลงพื้นที่อีกครั้ง ก็ได้พบกับชายดังกล่าว อายุ 54 ปี ตาบอด 1 ข้าง มีภูมิลำเนาอยู่ จ.สุรินทร์ อยู่กับลูกสาวอายุ 2 ขวบ จึงได้เข้าพูดคุย และตักเตือนเรื่องการเลี้ยงดูลูกไม่เหมาะสม หลังจากนั้น ได้พาทั้งคู่ไปที่ สน.บางซื่อ เพื่อลงบันทึกประจำวัน และพูดคุยถึงเรื่องกระบวนการช่วยเหลือตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ทั้งนี้ชายดังกล่าวได้กระทำผิดด้วยความตั้งใจและผิดข้อตกลงที่ก่อนหน้านี้ที่ทีม ศรส. กระทรวง พม. ได้ให้โอกาสกลับภูมิลำเนาที่ จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เดือน พ.ค. 67 ซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันไว้ครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อกระทำผิดอีก ทีม ศรส. จึงได้แยกเด็กเพื่อรับเข้าคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กในหน่วยงานของ พม. และวางแผนการช่วยเหลือต่างๆ ขณะเดียวกันได้ติดต่อกับญาติพี่น้องใน จ.สุรินทร์ โดยประสานไปยังทีม ศรส.จ.สุรินทร์ เพื่อลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวและเตรียมความพร้อมตามกระบวนช่วยเหลือด้านเด็ก
ซึ่ง ศรส. จ.สุรินทร์ ได้รายงานการลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวชายดังกล่าว ระบุว่าได้พูดคุยกับป้าของเด็ก ซึ่งเป็นพี่สาวของชายเร่ร่อน หรือ ได้ข้อมูลว่าพบว่าชายวัน 54 คนนี้อาศัยอยู่กับภรรยาคนที่ 3 ที่กรุงเทพฯ มีลูก 2 คน อายุ 1 ขวบ และ 2 ขวบ เคยอาศัยอยู่บ้านเช่า แต่ทั้งคู่ดื่มสุราและทะเลาะกันเป็นประจำ เจ้าของบ้านเช่าจึงให้ออก กลายเป็นคนเร่ร่อน อาศัยหลับนอนตามสถานีรถไฟในกรุงเทพฯ โดยเขากลับบ้านที่สุรินทร์เป็นประจำ แต่ไม่ยินยอมให้พี่สาวเอาเด็กไว้เลี้ยงดู
สำหรับรายได้หลักมาจากการพาลูกคนโตมานั่งขายลูกอม บริเวณสะพานลอย ตลาดนัดจตุจักร แต่ทางพ่อและพี่สาวของชายดังกล่าว เป็นห่วงสวัสดิภาพของเด็กทั้ง 2 คน ในฐานะปู่และป้าจึงมีความต้องการรับเด็กมาเลี้ยงดูที่ จ.สุรินทร์ เนื่องจากเด็กยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตามช่วงวัย และไม่ได้เข้ารับการประเมินพัฒนาการ หรือตรวจสุขภาพใดๆ
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือนั้นทาง ศรส.จ.สุรินทร์ ได้ให้คำแนะนำปรึกษาตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ 2546 แก่ปู่และป้าของเด็ก พร้อมทั้งประเมินความเป็นอยู่ของป้าเด็ก ซึ่งมีความสามารถให้การดูแลเด็กได้ อีกทั้งประสานผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ให้สอดส่องดูแล หากพบว่าชายดังกล่าวกลับมาบ้านก็ให้แจ้ง ศรส.จ.สุรินทร์ เพื่อเข้าพูดคุยสอบถามสภาพความเป็นอยู่ สภาพปัญหา และความต้องการของครอบครัว ประกอบการพิจารณาวางแผนการช่วยเหลือต่างๆ และการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของรัฐของบุคคลในครอบครัวต่อไป