ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกูล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ชาคริต มงคลศรี รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปฎิบัติราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ พลเดช รอง ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วิชัย โมฆรัตน์ สว.ส.ทล.2 กก.7 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.7 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายอนุวัฒน์ฯ อายุ 34 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 1 คัน,แผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น,เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) สถานที่จับกุม ทล.4 กม.1131-1132 ม.1 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง
และจับกุม นายอานนท์ฯ อายุ 46 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม”พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 1 คัน แผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น (ปลอม) เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) จำนวน 1 แผ่น (ปลอม)สถานที่จับกุม บริเวณ ทล.4041 กม.52-53 ม.2 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง
พฤติการณ์ คดีแรกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีเทาซึ่งเป็นรถที่สวมทะเบียนปลอมสัญจรผ่านมาในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจพบว่า มีรถยนต์สีเทาดังกล่าวสัญจรผ่านมา จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ พบนายอนุวัฒน์ฯ เป็นผู้ขับขี่ จึงขอตรวจสอบเอกสารสำคัญประจำรถและเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียนผ่านฐานข้อมูล พบว่า รถคันดังกล่าวหมายเลขเครื่องและตัวถังไม่ตรงกับป้ายทะเบียนดังกล่าว และแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวไม่มีตำหนิสำคัญตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เเจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาโยง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
อีกคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า มีรถยนต์สีขาว ซึ่งเป็นรถที่สวมทะเบียนปลอมสัญจรผ่านมาในพื้นที่รับผิดชอบ โดยขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจพบว่า มีรถยนต์สีขาวคันดังกล่าวสัญจรผ่านมา จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ พบนายอานนท์ฯ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจสอบเอกสารสำคัญประจำรถซึ่งนายอานนท์ฯ ไม่สามารถนำสำเนาคู่มือรายการจดทะเบียนรถยนต์มาแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียนผ่านฐานข้อมูล พบว่า ไม่ได้มีการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียนผ่านฐานข้อมูล พบว่า รถคันดังกล่าวมีหมายเลขเครื่องและตัวถังไม่ตรงกับป้ายทะเบียนและแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวไม่มีตำหนิสำคัญตามกรมการขนส่งทางบกกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เเจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายอนุวัฒน์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายอานนท์ฯ ให้การว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้รับจำนำมาในราคา 50,000 บาท มาจากนายตุด (ไม่ทราบชื่อ-สุกล จริง) ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง รับจำนำมาแล้วประมาณ 1 ปี โดยนายอานนท์ฯ เชื่อว่า นายตุดไม่มาไถ่รถคืนแล้ว จึงได้สั่งป้ายทะเบียนและเครื่องหมายเสียภาษีประจำปีจากแอปพลิเคชันไลน์ ในราคา 10,000 บาท โดยส่งมาทางไปรษณีย์และนายอานนท์ฯ นำป้ายทะเบียนและป้ายเสียภาษีปลอมมาติดกับรถคันดังกล่าว