ภาวะผู้นำ”ผบ.กิตติ์รัฐ”เริ่มโดดเด่น จัดการฉับไว-ชาวบ้านเชื่อมั่น แนะนายกฯต้องปล่อยให้ ”พิทักษ์ 1“จัดทัพสีกากี

1018


                              
           นับแต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร นั่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)วันที่ 1 ตุลาคม กระทั่งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ลงมติเห็นชอบให้เป็น ผบ.ตร.แบบเต็มตัว ถูกสังคมจับตาเป็นพิเศษว่าจะโชว์ศักยภาพบริหารจัดการให้ประชาชนมีความอุ่นใจได้แค่ไหน
         

รวมถึง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิตั้งความหวังไว้มากเช่นกันถึงขั้นโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า”ผมคาดหวังเหมือนกับตำรวจและประชาชนทุกคน ว่า ผบ.ตร.คนใหม่จะกอบกู้วิกฤตศรัทธาประชาชน ทำให้ตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน พิทักษ์สันติราษฎร์ บริการรับใช้ประชาชนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท แก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนขาดแคลน อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ขจัดลงโทษตำรวจที่รีดไถ ทุจริตคอรัปชั่น รับผลประโยชน์จากการพนันออนไลน์ผิดกฎหมายให้หมดไปโดยเร็ว

ความคาดหวังนี้เชื่อว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ คงขับเคลื่อนได้อย่างดี เพราะหากย้อนดูช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน ที่นั่งรักษาการ ผบ.ตร.ครั้งแรก หลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อม พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.คู่ขัดแย้ง อยู่ในจังหวะที่ประชาชนไร้ความศรัทธาต่อองค์ตำรวจอย่างหนัก

ช่วงรักษาการเพียงไม่กี่เดือนด้วยความมุ่งมั่นบวกกับเข้าใจงานตำรวจเพราะไม่ได้โตแบบบ่มแก๊ส สามารถกู้ความศรัทธาคืนมาได้ระดับหนึ่งโดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ปลุกขวัญตำรวจด้วยแนวทางขายฝันว่า

”ผมมีความฝันอยากขายให้กับพวกท่าน มีหลายคนที่กล่าวว่าผมขายฝัน ยอมรับว่าขายฝัน แต่ที่ขายให้พวกท่าน ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อฝันของผม เชื่อว่าฝันของผมไม่ต่างจากฝันของท่าน ที่อยากให้ตำรวจของเราเป็นตำรวจที่ดี เป็นตำรวจที่ประชาชนยอมรับ เป็นตำรวจที่ประชาชนอ้าแขนรับในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ สิ่งที่ฝันคือองค์กรของเราจะเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของและเชื่อมั่นประชาชนและสังคมไทย…”


    ปรากฏว่าฝันของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ขายดีเพราะตำรวจทั่วประเทศพร้อมใจกันอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเป็นอย่างดี จนได้รับคำชมจากนายกรัฐมนตรีว่าควบคุมสถานการณ์ช่วงสงกรานต์ได้เป็นอย่างดีทั้งอาชญากรรมและอุบัติเหตุ แม้แต่ตำรวจด้วยกันเองยังสะท้อนว่าเป็นช่วงที่สงบ ทำงานแล้วมีความสุข

   
ต่อมานายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาดำรงตำแหน่งผบ.ตร.ดังเดิม แต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ตามสายงานที่รับผิดชอบแบบคงเส้นคงวา กระทั่งผงาดนั่งเจ้าสำนักปทุมวันแบบไร้เสียงค้าน
   
เมื่อนั่งเบอร์ 1 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านงานมากว่า 20 ปี สามารถตั้งรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี จัดการตำรวจนอกแถวแบบทันควันไม่ว่าจะเป็นกรณีตำรวจพื้นที่สมุทรปราการอมเงินผู้เสียหายที่คู่กรณีจ่ายให้  หรือกรณีตำรวจยศ ร.ต.อ.พื้นที่บางละมุง เป็นหัวแก๊งปล้นทรัพย์ สั่งดำเนินการขั้นเด็ดขาดหรือกรณีอดีตนักมวยชื่อดังก่อเหตุจับตัวประกันท้องที่ สน.บางซื่อ ลงดูสถานการณ์เองพร้อมสั่งการให้ตำรวจสืบสวนจับกุมคนร้ายได้สำเร็จ
   
อีกคดีที่ตั้งรับได้อย่างเป็นอย่างดีนั่นคือคดีดิไอคอน ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  ใช้คนถูกกับงานที่เลือก พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.คุมคดี เพราะคงรู้ประวัติและบุคคลิกของ พล.ต.ท.อัคราเดช เป็นอย่างดีว่าเคยนั่งตำแหน่งผู้การกองปราบปราม และผู้บัญชาการภาค บวกกับบุคลิกการทำงานที่นิ่ง เงียบ ปิดความลับในคดีได้เป็นอย่างดี บวกกับทีมงานภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.)สร้างผลงานสางคดีดังมามากมาย ส่งผลให้คดีดิไอคอน รุดหน้าอย่างรวดเร็วจนจับ 18 บอสใหญ่เข้าคุก ทั้งที่คดีนี้เกี่ยวพันกับคนในหลายวงการทั้งบิ๊กการเมืองและ บิ๊กราชการ
   
ทำสำคัญคดีนี้มีผู้เสียหายทุกระดับทั่วประเทศจำนวนมากเพื่อให้ได้รับการบริการที่ดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จึงสั่งให้การให้ทุกโรงพักทั่วประเทศอำนวยการสะดวกประชาชนด้วยการเปิดรับแจ้งความแบบไม่เลือกปฏิบัติ  แต่ผลคดีขยายเป็นวงกว้างประชาชนเข้าแจ้งความเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงออกคำสั่งด่วนที่สุดลงวันที่ 17 ตุลาคม ให้ผบช.น.-ผบช.ภ.1-9 ผบช.ก. ผบช.สอท. จัดตั้งศูนย์รับแจ้งความทั่วประเทศ พร้อมกำชับว่าหากมีการปฏิเสธหรือบอกปัดไม่รับแจ้งความให้ผู้บัญชาการฯตรวจสอบและพิจารณาทัณฑ์ผู้บังคับบัญชาและผู้เกี่ยวข้อง
   
จัดว่าเป็นการทำงานเชิงรุกที่เอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวตั้ง ซึ่งแอคชั่นแบบนี้แทบจะหาไม่ได้ในยุคต้นๆที่เผด็จการทหารครองเมือง เพราะผบ.ตร.บางคนเป็นได้แค่น้ำใต้ศอกของนายพลเด็ก
   
เมื่อมองภาพการทำงานโดยรวม ของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นับแต่รักษาการผบ.ตร.ครั้งแรก ครั้งที่ 2 และนั่งผบ.ตร.ตัวจริงเสียงจริง พอที่ทำความคาดหวังของประชาชนและก.ตร.เอก เป็นจริงได้ไม่อยาก
 
แต่ถ้าจะให้งานตำรวจขับเคลื่อนแบบพลวัต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีต้องปล่อยให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีอำนาจเต็มในการจัดทัพสีกากีที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็วๆนี้เอง เพื่อจะได้ใช้คนให้ถูกกับงาน ผลดีคือนโยบายรัฐบาลจะได้รับการตอบสนองจนบรรลุเป้าแล้วอานิสงส์จะไปตกที่ประชาชน!!!